‘อุ๊งอิ๊ง’ ประกาศเข้า “พรรคเพื่อไทย” ส่วน ‘สมพงษ์’ ลาออกจากหัวหน้าพรรค

“แพทองธาร” ลูกสาวทักษิณ ประกาศเข้าพรรคเพื่อไทยในฐานะ ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หลัง “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว

วันนี้ (28 ตุลาคม 2564) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น พรรคเพื่อไทยได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคฯ ขึ้น ภายใต้คอนเซปต์ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” โดยช่วงหนึ่งของงาน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่าตนนั้นมีอายุ 80 ปีแล้ว และเพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาทำหน้าที่ภายในพรรคต่อ โดยคณะกรรมการพรรคเดิมช่วยเป็นคณะกรรมการสนับสนุนยุทธศาสตร์และทิศทางทางการเมืองของพรรคต่อไป

“ผมขอกราบของพระคุณบรรดาท่านคณะกรรมการบริการ ท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทยทั้งมวล ที่ให้ความร่วมมือร่วมใจกับผมในการทำงานนำพาพรรคเพื่อไทยให้เดินมาถึงจุดนี้ บนเส้นทางประชาธิปไตยที่เรามีความมั่นคง แน่วแน่ และเป็นศักดิ์ศรีของพรรคเพื่อไทย” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ ระบุว่าพรรคได้มีการปรับให้มีคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม จึงได้เปิดตัว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม โดยนางสาวแพทองธาร เล่าว่า ได้เห็นบิดานั่นคือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ทำงานการเมืองช่วยเหลือผู้คนให้มีโอกาสในชีวิตเพิ่มขึ้น โดยยอมรับว่ายังไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง เพียงแต่ต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้รับโอกาสภายใต้วิกฤตการเมืองที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

“ดิฉันคิดว่าพรรคเพื่อไทย อาจจะมีโอกาสเป็นพรรคการเมืองหลัก แล้วก็มีโอกาสได้มาแก้วิกฤตต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตสังคม และที่สำคัญวิกฤตทางโอกาสของคนรุ่นใหม่ ดิฉันจึงตอบรับเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทยในด้านด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม” นางสาวแพทองธาร กล่าว

โดยประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ระบุว่าสิ่งที่อยากปฏิรูป มี 3 เรื่อง คือ 1. ปฏิรูปเรื่องการศึกษา นางสาวแพทองธาร มองว่าการจัดการบริหารและการเข้าถึงเทคโนโลยียังด้อยกว่าหลายประเทศมาก 2. ปฏิรูปเรื่องการเข้าถึงเทคโนโลยี นางสาวแพทองธาร มองว่าหลายๆ พื้นที่ยังไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ ต้องแก้เรื่องนี้ 3. ส่งเสริม Soft Power อย่างจริงจัง เช่น กีฬา การออกแบบ การเขียนเกม-โปรแกรม โดยย้ำว่าต้องส่งเสริมเสรีภาพทางความคิด และผู้นำของประเทศต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง