นักเรียนขาสั้นเปิดศึกตีกันกลางถนน รถชาวบ้านได้ความเสียหาย บริเวณจุดกลับรถหมู่บ้านอุบลศรี ถนนแพรกษามุ่งหน้าไปทางถนนตำหรุ-บางพลี
นักเรียนขาสั้นห้าวขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถอริต่างสถาบันจนล้มไปเฉี่ยวกับรถชาวบ้านได้รับความเสียหาย ก่อนจะวิ่งไล่ตีกันกลางถนนและหลบหนีไป ด้านผู้เสียหายเตรียมเข้าแจ้งความให้ผู้ปกครองมารับผิดชอบ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปจากกล้องหน้ารถของผู้เสียหายจับภาพนาทีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมสองสถาบันของโรงเรียนย่านแพรกษา ขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนสามไล่ทำร้ายกันมาตามถนนแพรกษามุ่งหน้าไปทางถนนตำหรุ-บางพลี จนมาถึงบริเวณจุดกลับรถหมู่บ้านอุบลศรี ถนนแพรกษา รถของกลุ่มเด็กนักเรียนได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถของผู้เสียหายก่อนที่รถจักรยานยนต์ของทั้งคู่จะล้มลง จากนั้นฝ่ายนักเรียนผู้ก่อเหตุได้ใช้เข็มขัดและหมวกกันน็อควิ่งไล่ทำร้ายนักเรียนต่างสถาบันจนต้องทิ้งรถวิ่งหนี พร้อมส่งรูปรถที่ได้รับความเสียหายให้ผู้เสื่อข่าวดู โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 มกราคม 2566 บริเวณจุดกลับรถหมู่บ้านอุบลศรี ถนนแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถาม นายวิฑรย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของคลิปและรถที่ได้รับความเสียหาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อช่วงเย็นตนกลับจากซื้อของกำลังจะขับรถกลับบ้านย่านแพรกษา พอมาถึงจุดกลับรถหมู่บ้านอุบลศรีตนได้หยุดรถให้รถที่กลับรถไปก่อน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงมองกระจกข้าง เห็นว่ามีนักเรียนขี่รถไล่ทำร้ายกันมาแล้วก็มาเฉี่ยวกับรถของตนจนล้มลงก่อนที่จะวิ่งไล่ตีกัน พอเหตุการณ์สงบตนจึงลงไปตรวจความเสียหายพบว่าที่กันชนด้านซ้ายและประตูซ้ายมีรอยขีดขวนได้รับความเสียหาย และเย็นนี้ตนจะเดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สภ.บางปู เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามผู้ปกครองของกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยเจรจาค่าเสียหายต่อไป
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ ได้ไปพูดคุยและสอบถาม นายสถิตย์ พรมวิชิต อายุ 62 ปี ช่างซ่อมรถยนต์ ที่อยู่บริเวณดังกล่าว เล่าว่า ตนเห็นเหตุการณ์และพยายามตะโกนห้ามเด็กนักเรียนทั้งสองฝ่ายว่าให้หยุดทำร้ายกัน โดยนักเรียนที่ถูกทำร้ายแต่งชุดนักเรียนขาสั้นขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันมาสามคน ก่อนที่จะถูกนักเรียนอีกฝ่ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนสามกันมา 2 คัน ไล่ทำร้ายจนมาเฉี่ยวชนกับรถกระบะแล้วรถล้มจากนั้นก็วิ่งทำร้ายกันกลางถนน ซึ่งเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุใช้เข็มขัดและหมวกกันน็อคเป็นอาวุธ หลังเกิดเหตุทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปไม่ไดรับบาดเจ็บอะไรกันมาก ตนจึงแนะนำให้เจ้าของรถกระบะที่เสียหายไปแจ้งความ
