ดื่มน้ำ – กรมสุขภาพจิตเตือนผู้ป่วยจิตเวช โดยเฉพาะโรคจิตเภท ห้ามดื่มน้ำเกิน 3,000 ซีซี/วัน อาจทำให้เกิดอาการภาวะน้ำเป็นพิษ ทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายคือเกลือโซเดียมในเลือดลดต่ำกว่าปกติ มีอันตรายถึงชีวิต
นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรืองไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า เป็นห่วงผู้ป่วยจิตเวชที่ได้รับการรักษาและแพทย์ให้กินยารักษาควบคุมอาการป่วย ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยจิตเวชทั่วประเทศที่อยู่ในระบบการรักษาในปี 2560 แล้ว 2,600,000 กว่าคน คิดเป็นประมาณร้อยละ 60 เป็นผู้ป่วยโรคจิตเภท ( Schizophrenia) ชนิดเรื้อรัง ซึ่งยาที่ใช้รักษาควบคุมอาการส่วนใหญ่อาจมีผลข้างเคียงทำให้คอแห้ง ปากแห้ง กระหายน้ำได้ ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงดื่มน้ำมากเกินปกติ คือเกินวันละ 3,000 ซีซี
ตามปกติร่างกายคนเราต้องการน้ำวันละ 1,500-3,000 ซีซี หรือ 1.5 ลิตร – 3 ลิตร ขึ้นอยู่สภาพอากาศของแต่ละท้องที่ หากผู้ป่วยดื่มในปริมาณมากกว่าวันละ 3000 ซีซีติดต่อกัน อาจจะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าภาวะน้ำเป็นพิษได้ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าน็อคน้ำ ทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายคือเกลือโซเดียมในเลือดลดต่ำกว่าปกติ โดยภาวะน้ำเป็นพิษนี้สามารถพบได้ในคนทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตเภทแต่ดื่มน้ำมากเกินความต้องการร่างกายได้เช่นกัน
ผู้ป่วยจิตเวชที่มีภาวะน้ำเป็นพิษ มักจะปรากฏอาการตอนบ่ายหรือช่วงเย็นๆ เช่น กระวนกระวาย กระสับกระส่าย หงุดหงิด ก้าวร้าวมากขึ้น บางรายปวดศีรษะมาก มีนงง สับสน อาเจียนเป็นน้ำ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ทำให้ปัสสาวะราด หากเป็นมากอาจเดินเซ เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจเกิดอาการชักเกร็ง กระตุก ถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้น จึงขอให้ญาติระมัดระวังดูแลเรื่องการดื่มน้ำของผู้ป่วยจิตเวชด้วย ในกรณีที่พบผู้ป่วยจิตเวชมีอาเจียนเป็นน้ำ มีนงง สับสน หรือชัก ให้รีบนำสั่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที และแจ้งประวัติผู้ป่วยให้แพทย์ทราบทุกครั้ง เพื่อการรักษาที่รวดเร็วและถูกต้อง
