X

สคทช.ติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพและการตลาดในพื้นที่ราชพัสดุ จ.ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี – สคทช.ติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพและการตลาดในพื้นที่ราชพัสดุ จ.ปราจีนบุรี และช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย

เมื่อวันที่ 23 ก.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย เรื่องที่ดินทำกินมาโดยตลอด และได้ดำเนินการผ่านโครงการหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในภารกิจการกระจายถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ที่อยู่ที่อาศัยและป้องกันการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินจากการจำนอง การขายฝาก เพื่อให้เกษตรกรยังคงมีสิทธิ์ในที่ดินทำกินของตนเอง ตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ทำกิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ดร.รวีวรรณ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อประชุมติดตามผลการดำเนินงานการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพและการตลาด ในพื้นที่ราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียน ที่ ปจ. 259 โดย เนื้อที่ทั้งแปลงประมาณ 68-3-47 ไร่ (หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ ปจ 0897 เลขที่ดิน 162 ระวาง 5336I0636-0836) เดิมใช้ประโยชน์ในราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นที่ตั้งโรงเรียนวัดจันทรังษีถาวร (โรงเรียนวัดซำปลาตองเดิม) โรงเรียนยุบเลิกและได้ ส่งคืนกรมธนารักษ์ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ว่าง จัดให้เช่า จำนวน 2 สัญญา ประกอบด้วย 1) เช่าเพื่ออยู่อาศัย เนื้อที่ประมาณ 4,591.20 ตารางวา (11-1-91.20 ไร่) ทะเบียนรายตัวผู้เช่า 1-022502-4-60 สัญญาเช่าที่ 1-ปจ-49/2561 ลงวันที่ 17 กันยายน 2561 ปัจจุบันค่าเช่าปีละ 14,875.- บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยเจ็ดสิบห้าบาทถ้วน) 2) เช่าเพื่อประกอบการเกษตร เนื้อที่ประมาณ 34-3-00 ไร่ (13,900 ตารางวา) ทะเบียนรายตัว ผู้เช่า 2-022502-3-100 สัญญาเช่าที่ 2-ปจ-5/2561 ลงวันที่ 17 กันยายน 2561 ค่าเช่าปีละ 7,576.- บาท (เจ็ดพันห้าร้อยเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) สมาชิกสหกรณ์ฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 41 ราย (ครัวเรือน) (แบ่งแปลงย่อยสำหรับสมาชิก 41 ราย เพื่ออยู่อาศัย รายละประมาณ 100 ตารางวา และเพื่อประกอบการเกษตร รายละ 0-3-00 ไร่ (300 ตารางวา)

และ การประชุมครั้ง ที่ 1/2565 วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 3/2564 มีมติเห็นชอบ ให้คณะทำงานจัดที่ดินร่วมกับสหกรณ์จังหวัดดำเนินการตามระเบียบของสหกรณ์ และเร่งดำเนินการ ทั้ง 3 กรณี การขาดจากสมาชิกภาพของสหกรณ์ฯ โดยคณะอนุกรรมการจัดที่ดิน (คณะทำงานจัดที่ดิน ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี และประธานคณะทำงาน) ประธานคณะทำงานจัดที่ดิน ได้รายงานผลดำเนินการในกรณีดังกล่าวให้ที่ประชุมทราบ ดังนี้ 1) รายที่ 1 นางคำ พันธ์แดง ซึ่งเป็นสมาชิกรายที่เสียชีวิต คณะทำงานจัดที่ดินได้ลงพื้นที่ เพื่อสอบสวนทายาทโดยธรรมที่ต้องการรับสิทธิในที่ดินทำกินในเบื้องต้น และอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตาม ทายาททั้งหมดมาให้ปากคำร่วมด้วย 2) รายที่ 2 นายอุเทน ปล้องแดง ซึ่งเป็นผู้ถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกสหกรณ์ ได้ดำเนินการตามมติที่ประชุมในคราวก่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการประกาศหาสมาชิกสหกรณ์รายใหม่ 3) รายที่ 3 นางลำดวน กันเกรา ซึ่งเป็นสมาชิกรายที่เสียชีวิต เป็นกรณีเดียวกับกรณีที่ 1 คือ อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตามตัวทายาททั้งหมดมาเพื่อเห็นชอบร่วมกัน

“สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการประชุมหารือร่วมกับราษฎรที่ได้รับการจัดที่ทำกินในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับทราบความคืบหน้าและปัญหาการดำเนินงาน ประกอบด้วย กรมธนารักษ์ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ และผู้แทนจาก คทช.จังหวัด เพื่อร่วมหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ให้พื้นที่ทำกินของตนเอง ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ทำกิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้าย

————————–
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"