หม่อง ทองดี ปรากฏตัวแม่สอด มูลนิธิศุภนิมิตเชิญเป็นแบบอย่างเด็กชายขอบ

มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรมโชว์ภาพวิถีชีวิตแรงงานเมียนมาชายแดนแม่สอด สร้างความตระหนักให้เด็กต่างด้าวแจ้งเกิดในประเทศไทย ป้องกันการค้ามนุษย์ ทารุณกรรม ลดความเสี่ยงถูกกระทำในรูปแบบต่างๆ  นายหม่อง ทองดี ปรากฏตัว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 61 ณ ศูนย์การค้าโรบินสัน อ.แม่สอด จ.ตาก  นายธนยศ ปานขาว ปลัดจังหวัดตาก ได้เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมแสดงนิทรรศการภาพถ่าย หรือ งาน “ ใบเกิด และการมีอัตลักษณ์ ” Get Every One In The Picture  โดยมีนายสราวุธ ราชสีเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และองค์กรพัฒนาเอกชน อาทิ นายมานะ งามเนตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , นายแพทย์ธวัชชัย เศรษฐศุภพนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด, ผู้แทนฝ่ายทหาร , ฝ่ายตำรวจ , ฝ่ายทะเบียราษฎร์ เทศบาลนครแม่สอด และบุคคลที่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษคือ นายหม่อง ทองดี อดีตแชมป์พับเครื่องบินกระดาษ ประเทศไทย โดยในงานมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของช่างภาพชื่อดังคือ  นายจอห์น ฮูล์ม ( Mr.John Hulme ) ผู้บันทึกภาพที่เป็นชีวิตครอบครัว บุตรหลาน และความเป็นอยู่เด็กข้ามชาติ โดยภาพถ่ายบางส่วนแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางในชีวิตของเด็กเหล่านี้ และมีโอกาสเสี่ยงมากที่จะถูกกระทำในรูปแบบต่างๆ เช่น การทารุณกรรม ความรุนแรง และการค้ามนุษย์ ทั้งนี้เพื่อให้พี่น้องแรงงานต่างด้าว และคนไทยผู้สนใจเข้าชมงานในครั้งนี้ อันเป็นการได้ความตระหนักถึงสถานการณ์ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเด็กเปราะบาง หรือเด็กด้อยโอกาส เด็กข้ามชาติที่เกิดในประเทศไทย

นายสราวุธ กล่าวว่า การจัดงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเสริมสร้างพลังองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองเด็กข้ามชาติในประเด็นเรื่องของการจดทะเบียนการเกิด เพื่อให้เด็กมีสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณจากกลุ่มประเทศยุโรป ( อียู ) อยู่มานาน 3 ปีแล้ว โดยสนับสนุนให้สร้างองค์กรพลังชุมชนที่เป็นแรงงานข้ามชาติให้มีความรู้กฎหมาย ระเบียบปฏิบัติของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนการเกิด และจากภาพการเอาภาพวิถีชีวิตแรงงานข้ามชาติมาแสดงในงานนี้นั้น เป็นวิถีชีวิตของแรงงานในพื้นที่อำเภอแม่สอด เพื่อให้ผู้ร่วมงานและประชาชนทั่วไปได้เห็นว่า แรงงานข้ามชาติมีวิถีชีวิตเป็นอย่างไร และแรงงานข้ามชาติเหล่านี้มีสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้อะไร โครงการนี้จึงเป็นการเผยแพร่ให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ตามสิทธิมนุษยชน และเป็นการสร้างความตระหนักให้กับภาคสังคมเพื่อให้เข้าใจแรงงานข้ามชาติ เพราะแรงงานเหล่านี้เป็นกำลังหลักในภาคเศรษฐกิจของประเทศไทย

นายสราวุธ กล่าวว่า การที่นำนายหม่องมาร่วมงานนี้ เพื่อให้เป็นตัวแทนเป็นสัญลักษณ์ที่มีการต่อสู้เรื่องสิทธิจนทำให้ได้บัตรประชาชน นายหม่องนั้นเป็นผู้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยควรที่จะได้รับสิทธิ์ เพราะต้องผ่านกระบวนการต่างๆมาอย่างมากมาย

นางสาวธัญยธรณ์ พงษ์ธรจิรพัชร ผู้ประสานงานโครงการฯ กล่าวว่า บริบทในพื้นที่ของการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในพื้นที่อำเภอแม่สอด ทางมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้ใช้วิธีการสร้างแกนนำชุมชนต่างด้าว และให้การอบรมความรู้ของการนำบุตรไปแจ้งทะเบียนการเกิด จากนั้นให้แกนนำไปกระจายข่าวสารไปสู่ยังพี่น้องแรงงาน และมีการช่วยนำพาพี่น้องแรงงานนำบุตรไปจดทะเบียนการเกิด แกนนำชุมชนเหล่านี้ได้รับการอบรมจากภาครัฐ เช่น ฝ่ายทะเบียนราษฎร์จากเทศบาลนครแม่สอด และฝ่ายปกครอง สำหรับแรงงานส่วนมากที่ได้รับข่าวสารมีความตื่นตัวในเรื่องของการขอไปแจ้งทะเบียนการเกิดได้โดยไม่มีเอกสารใดๆ

นางสาวธัญยธรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นคือ แรงงานที่มีบุตรมานาน และไม่ได้ไปแจ้งเกิดในช่วงระยะเวลาที่ทางราชการกำหนด ต่อมาไปแจ้งย้อนหลังทำให้เกิดปัญหาผู้รับรอง เพราะหาคนรับรองไม่ได้ แรงงานต่างด้าวด้วยกันเองก็ไม่ไปรับรองให้ และนายจ้างเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของแรงงานต่างด้าวนำบุตรไปแจ้งทะเบียนการเกิด ซึ่งนายจ้างเข้าใจว่าการไปแจ้งทะเบียนการเกิดนั้น เป็นการนำบุตรของแรงงานต่างด้าว เข้าไปในทะเบียนราษฎร์ของตนเอง แท้จริงแล้วไม่ใช่ อย่างไรก็ดีขณะนี้มีแกนนำกลุ่มทั้งหมด 48 คน ได้อบรมให้ความรู้เรื่องของอนามัยเจริญพันธุ์ และกระบวนการแจ้งเกิดแก่แรงงานต่างด้าวไปแล้วจำนวน 6,900 คน

ด้านนายธนยศ กล่าวว่า การแจ้งทะเบียนการเกิดของคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทย เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนของจังหวัดตาก มีผู้ว่าราชการจังหวัดตากได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายอยู่แล้ว

ขณะที่นายหม่อง กล่าวว่า ในอนาคตอยากจะศึกษาต่อให้จบปริญญาตรี และเรื่องเร่งด่วนคืออยากจะสร้างบ้านให้บิดา – มารดาได้อยู่อาศัย จากนั้นก็จะนำชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้าน จะได้อยู่เป็นครอบครัว อยู่เป็นหลัก ส่วนเรื่องสัญชาติบิดา – มารดานั้น อนาคตจะมีการแปลงสัญชาติ ส่วนเรื่องการทำงานอยากจะมีอาชีพเป็นครู เพราะอยากจะสอนน้องๆ ส่วนอาชีพช่างภาพก็น่าสนใจ

“ ผมอยากจะฝากถึงน้องๆ เด็กๆข้ามชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน ขอให้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบปริญญาตรี และหากมีสูติบัตร ก็จะได้สัญชาติไทยตามกฎหมาย แต่ถ้าสามารถสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ ก็จะได้สัญชาติไวขึ้น ในส่วนของตนเองนั้นมีความผูกพันกับประเทศไทยมาตั้งแต่เกิด เพราะถือว่าตนเองเป็นคนไทยเกิดในประเทศไทย “ นายหม่องกล่าว