X
เสรี สุวรรณภานนท์

‘เสรี’ออกโรงอาสาเป็นทนายให้’วิเชียร’ สู้คดีล่าเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร

นายเสรี สุวรรณภานนท์ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค ประกาศอาสาเป็นทนายให้นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หลังจากมีประเด็นว่านายวิเชียรมีความผิดกรณีไม่เก็บค่าธรรมเนียมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย จำกัด(มหาชน)และคณะรวม4 คน กรณีลักลอบล่าสัตว์

นายเสรี โพสต์ผ่าน https://www.facebook.com/sereelaw หัวข้อว่า “นายวิเชียร” เพิ่งจับคนร้ายได้ จะกลายเป็น คนร้ายเองไปเสียแล้ว

นายเสรีระบุว่า “ผมติดตามข่าว ของนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครอง อาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยระบุว่า นายวิเชียรให้การว่า ไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ 110 บาท ซึ่งเป็นค่าเข้าคนละ 20 บาทและค่านำรถเข้าพื้นที่ 30 บาทจริง จึงต้องรายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งสามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญา หากมีการร้องทุกข์ก็จะต้องก็จะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย”

 “ผมดูมันเปล่งๆ ยังไงชอบกล ก็นายวิเชียรฯ เพิ่งจับคนร้ายได้ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมกลับกลายเป็นผู้ร้ายเสียเอง แม้ว่านายวิเชียรฯจะรับสารภาพว่าไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติจริง ก็ต้องพิจารณาดูว่า มีผู้บังคับบัญชาหัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงกว่า ที่สั่งการมาว่า “มีแขก วีไอพี เข้าพื้นที่ ให้เจ้าหน้าที่แถวนั้น ดูแลอำนวยความสะดวกแก่แขกวีไอพีด้วย”

และเมื่อมีคำสั่งแบบนี้ ก็แสดงว่าการไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ไม่ได้เกิดจากการอนุญาตหรือไม่อนุญาตของนายวิเชียรฯ แต่เป็นคำสั่งที่อยู่เหนือกว่า ดังนั้น แสดงว่านายวิเชียรฯ ไม่มีเจตนากระทำความผิด การจะกล่าวหาว่าผู้ใดกระทำความผิดก็ต้องมีองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำมี “เจตนา” กระทำความผิดหรือไม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 และก็ไม่ผิดทางวินัยด้วย เพราะมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่มีตำแหน่งสูงกว่าสั่งการ


หากนายวิเชียรฯถูกดำเนินคดี ผมในฐานะเป็นทนายความขออาสาเป็นทนายความให้ จะได้พิสูจน์กันว่าคนสั่งการเป็นใคร ที่จะต้องรับผิดตัวจริง การสอบสวนควรสอบสวนข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ โดยสืบสวนสอบสวนให้ปรากฏว่าใครเป็นผู้สั่งการ อย่าเบี่ยงเบนประเด็น อย่าทำคดีแบบแก้เกี้ยวตัดตอนลักษณะเช่นนี้ เพราะมันจะทำให้กระบวนการยุติธรรมขาดความน่าเชื่อถือ การสืบสวนสอบสวนแบบนี้แหละที่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน ชาวบ้านเขาจึงเรียกร้องต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ

ปัจจุบัน นายเสรี เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ)

ก่อนหน้านี้นักวิชาการด้านกฏหมาย คือ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ตั้งข้อสังเกตุในประเด็นเดียวกัน โดยตั้งหัวข้อว่า “ไม่ถูกคนและไม่ถูกประเด็นครับ”

ไม่ทราบว่าท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังคิดอะไรอยู่ หรือมีเจตนาเช่นไร เพราะถ้าจะเล่นประเด็นนี้ ท่านควรต้องไปสืบดูว่า คุณเปรมชัยที่เข้าไปในพื้นที่โดยสั่งกันมาว่าเป็น ‘แขกของนาย’ นี่ เป็นแขกของใคร ใครคือ ‘นาย’ และใครคือคนอนุมัติหรือคนบอกให้ยกเว้นค่าธรรมเนียม 110 บาทต่างหากครับ ไม่ใช่มาเล่นงานเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอย่างนี้

ถ้าจะเอาเรื่องคุณวิเชียร คนจะสงสัยได้ว่า อาจจะเป็นการ ‘ตัดตอน’ เพื่อช่วยใครหรือเปล่าได้นะครับ แล้วไม่ว่าจะอย่างไร ผมคิดว่าคนที่เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึง ‘นาย’ คนนั้นด้วย ไม่มีใครคิดว่าคณะของคุณเปรมชัย จะทำอะไรถึงขนาดนี้ ก็น่าเห็นใจอยู่

ดังนั้น ด้วยความเคารพ ผมว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังทำเรื่องที่ทั้งไม่ตรงคน และไม่ตรงประเด็นด้วยครับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณวิเชียรและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยทุกคนครับ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ทศพร โชคชัยผล

ทศพร โชคชัยผล

ทำงานข่าวกว่า 20 ปี มีความสนใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในหลายมิติ ผ่านประสบการณ์ทำข่าวสายเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล