X

‘สุทธิชัย’ปิดตำนานที่เนชั่น เริ่มตำนานใหม่ในโลกดิจิทัล

สุทธิชัย หยุ่น ประกาศอำลาจากเครือเนชั่น ซึ่งตนเองเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งมากว่า 40 ปี โดยตำแหน่งสุดท้าย คือ ที่ปรึกษากองบรรณาธิการเครือเนชั่น ด้วยวัย 72 ปี

พนักงานเครือเนชั่นร่วมกันจัด“งานเลี้ยงอำลา คุณสุทธิชัย หยุ่น” เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2561 นำโดย เทพชัย หย่อง ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่บริเวณชั้น 1 มหาวิทยาลัยเนชั่น โดยมีพนักงานทุกแผนและผู้ที่เคยทำงานอยู่เนชั่นมาร่วมเลี้ยงอำลาราว 300 คน

การประกาศอำลาครั้งนี้หลังจากเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ ยืดเยื้อยาวนานมาตั้งแต่ปลายปี 2557 จนเกิดคดีฟ้องร้องนับสิบคดี จนในที่สุดผู้ถือหุ้นรายใหม่คือกลุ่มนิวส์เน็ตเวิร์ค(NEWS) สามารถส่งตัวแทนเข้าเป็นกรรมการเนชั่นและจะเข้ามาบริหารอย่างเต็มตัว

สุทธิชัย บอกว่าจะทำงานวันสุดท้ายวันที่ 28 ก.พ. และยุติบทบาทในเนชั่นในวันที่ 5 มี.ค.2561 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดสัญญาจ้างครั้งสุดท้ายที่มีอายุ 3 ปี และข้อเขียนในคอลัมน์กาแฟดำในหนังสือพิมพ์ “กรุงเทพธุรกิจ”จะยุติลง หลังจากใช้ชื่อนี้เขียนคอลัมน์มายาวนาน 50 ปีในชีวิตสื่อมวลชน รวมทั้งรายการทีวีช่องเนชั่นทีวี 22

สุทธิชัย ได้รับฉายาว่าเป็น “คนบ้าข่าว” และในสายตาคนภายนอกถือว่า “สุทธิชัย หยุ่น” เป็นเหมือนโลโก้ของเนชั่น ซึ่งมักจะนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการทำงานเสมอ

สุทธิชัยใช้เวลาราว 30 นาทีกล่าวกับพนักงานและผู้มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ โดยเนื้อหาสาระกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของเครือเนชั่นตลอดช่วงเวลากว่า 40 ปี และจุดยืนของเนชั่นในการนำเสนอความจริงสู่สังคม โดยไม่สยบยอมกับอำนาจใด ซึ่งทำให้เครือเนชั่นได้นับความน่าเชื่อถือจากสังคม

ใช้เทคโนโลยีสร้างคอนเทนท์เอง

หลังจากนี้จะทำอะไรต่อ? เป็นคำถามที่ดังขึ้นหลังจาก สุทธิชัย กล่าวจบ

สุทธิชัย บอกว่ามีช่องทางจากเทคโนโลยี “เราสามารถสร้างคอนเทนท์จากสื่อต่างๆเหล่านี้ได้ แต่จะไม่ทำอะไรซีเรียสมากมาย จะทำอะไรในลักษณะเล่นๆอยู่บ้านได้”

ปัจจุบัน สุทธิชัย มีช่อง Suthichai Live ทาง Youtube มี subscribers กว่า 11,000 คน และ twitter ที่มี Fallowers มากถึง 2.55 ล้านคน

มุ่ง’เรตติ้ง-โซเซียล’ทำสื่อสูญพันธุ์

สุทธิชัย บอกอีกว่า “แต่ว่าในใจจะเขียนหนังสือเล่มนึง เป็นประสบการณ์ที่ผ่านมา คนทำสื่อรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้จากอดีตและสามารถจะเป็นตัวอย่างที่ว่าอะไรที่ล้าสมัย จะได้ไม่ทำตาม อะไรที่น่าจะเป็นบทเรียนที่ทันสมัยจะได้เอาไปทำคุณประโยชน์ พยายามจะช่วยนักสื่อสารมวลชน อย่างน้อยที่สุดจะมีไอเดียไปบ้างว่าคนรุ่นก่อนหน้านี้เขามีปัญหาอะไรบ้าง การปรับตัวของเขา”

“ที่ผมเป็นห่วงมาก สื่อมันจะสูญพันธ์ในความหมายที่เราอยากรู้ เรตติ้งเท่านั้น ทุกวันนี้ก็ไปดูว่าในโซเซียลมีเดีย มีอะไรที่กำลังร้อนมั่ง แล้วไปเอามาทำในทีวี  เขาไม่ใช้สมองอะไรเลย เขากดดันมาก แต่ไม่มีทางออก เพราะเจ้าของสื่อทั้งหลายบอกว่ามันอยู่ที่เรตติ้ง ถ้าเรตติ้งไม่ดี มันอยู่ไม่ได้ ก็แปลว่าสื่อสารมวลชนจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ตรงนี้ผมห่วงมาก เมื่อมีเวลาแล้วผมก็จะพยายามหาทางที่จะพัฒนาการทำงานของสื่อ อาจจะเป็นความเห็นที่เชยนะครับใครจะฟังหรือเปล่าก็ไม่รู้  อย่างน้อยที่สุด ผมช่วยคิดว่าถ้าไม่เอาเรตติ้ง สื่อคุณภาพจะอยู่รอดอย่างไร ผมว่าเป็นเรื่องใหญ่ของสังคม”

คาดอีก3-5ปีสื่อ40%หายจากระบบ

จากสถานการณ์การนำเสนอในขณะนี้ สุทธิชัยมองว่าสื่อมวลชนก็จะตกไปเรื่อยๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ไม่มีใครทุ่มเทไปที่ความเป็นสื่อแล้ว จ้างใครก็ทำได้ เอายอดคลิ๊ก ยอดไลน์ในโซเซียลมีเดีย แล้วก็เอาไปขึ้นจอทีวี ก็จบ ไม่มีความจำเป็นต้องไปเจาะลึก ไม่มีความจำเป็นต้องมีคุณภาพความรับผิดชอบ จริยธรรม ผมคิดว่าน่าเป็นห่วงมาก ผมคิดว่าเกษียณแล้วก็จะช่วยสังคมด้วยการสื่อสารเรื่องเหล่านี้ นำเสนอว่าการปรับปรุงควรจะทำอย่างไร

“ผมกลัวจริงๆนะ ภายใน 3-5 ปีจะไม่เหลือความเป็นสื่อในความหมายที่เห็นในปัจจุบัน เพราะไม่มีสื่อวิชาชีพอีกต่อไป แล้วเจ้าของสื่อทั้งหลายบอกว่ารายได้ไม่เข้าเป้า ไม่ผลิต ก็ไม่จำเป็นต้องมาทำข่าวอย่างที่เห็น ฉะนั้นเราต้อง disrupt ตัวเอง ก่อนที่เขาจะ Disrupt เรา เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าถ้าผมช่วยได้ก็จะพยายามทำ”

สุทธิชัย เชื่อว่าสื่อ 40% จะหายไปจากสารบบ ไม่ว่าจะมีทุนเยอะแค่ไหนก็ตาม ไม่สามารถไปรอด หากไม่มีเนื้อหาที่ตรึงตลาดเอาไว้ได้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ทศพร โชคชัยผล

ทศพร โชคชัยผล

ทำงานข่าวกว่า 20 ปี มีความสนใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในหลายมิติ ผ่านประสบการณ์ทำข่าวสายเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล