สระแก้ว – เจ้าหน้าที่จับกุมข้าวสารเหนียว-ข้าวเปลือกเจ้ากว่า 60 ตัน จากประเทศกัมพูชา ถูกลักลอบซุกมากับมันสำปะหลังเข้าชายแดนตาพระยา จ.สระแก้ว ล่าสุด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีการขออนุญาตใด ๆ
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ณพวัฒน์ อารยางกูร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ,เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรโดยผิดกฎหมาย (ศปสก.ตร.) ,ชุด ชค.ตชด.12, ชุด ขกท.กกล.บูรพา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.วิภาวรรณ คงนาค อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 13 ตำบลตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว พร้อมของกลาง ประกอบด้วย ข้าวสารเหนียว น้ำหนัก 53,080 กก., ข้าวเปลือกเจ้า น้ำหนัก 33,870 กก., ใบชั่งน้ำหนักข้าวสารเหนียว จากตาชั่งรับจ้าง จำนวน 3 แผ่น ,ใบชั่งน้ำหนักข้าวเปลือกเจ้า จากตาชั่งรับตาชั่งรับจ้าง จำนวน 1 แผ่น โดยพบของกลางข้าวสารบรรจุกระสอบซุกซ่อนรวมกับมันสำปะหลังอยู่ในโกดัง เลขที่ 68 หมู่ 3 ตำบลโคคลาน อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่า ตำรวจชุดสืบสวนภาค 2 ได้เข้าจับกุมและทำบันทึกจับกุม พร้อมกับตั้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมว่า ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร โดยพฤติกรรมของกลุ่มผู้ค้า ก่อนถูกจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรโดยผิดกฎหมายเข้าจับกุม ได้มีการสืบสวนจนทราบว่า โกดังเก็บสินค้าเกษตร ซึ่งอยู่ภายในลานสินค้าเกษตร เลขที่ 68 หมู่ 1 ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีสินค้าเกษตรข้าวสาร ข้าวเหนียวนึ่งยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร ซุกซ่อนอยู่ภายในโกดัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมกับดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสระแก้วเพื่อขออนุมัติหมายตรวจค้น เพื่อเข้าตรวจค้นภายในโกดังเก็บสินค้าการเกษตรดังกล่าว กระทั่งศาลจังหวัดสระแก้วได้อนุมัติหมายค้นที่ 38/2562 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2562 จึงเข้าตรวจค้น เมื่อเวลา 09.30 น และเสร็จสิ้นการตรวจค้นเวลา 18.00 น.ของวันที่ 26 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา
ข่าวน่าสนใจ:
- หวิดตายหมู่!! รถรับ-ส่งนักเรียนพุ่งชนรถพ่วง 22 ล้อ ขณะนำ นร.ส่ง โรงเรียนในอำเภอวัฒนานคร โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต
- อัยการคุ้มครองสิทธิ์ร้อยเอ็ด และทต.โนนตาล ประสานความร่วมมือภาคีเครือข่าย สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้
- เจ้าหน้าที่สนธิกำลังจับบุหรี่หนีภาษีบริเวณชายแดน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
- มุกดาหาร -แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขตแถลงข่าวจับยาบ้ามูลค่า กว่า 450 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ผลการตรวจค้นพบว่า มีข้าวสารเหนียวและข้าวเปลือกเจ้าซุกซ่อนอยู่ภายในโกดังเก็บสินค้าเกษตรดังกล่าวจำนวนมาก แบ่งเป็นข้าวสารเหนียว น้ำหนัก 53 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า น้ำหนัก 33 ตัน เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงแจ้งให้ น.ส.วิภาวรรณ ผู้ถูกจับทราบว่า พฤติกรรมและการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้นหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันพึงรู้ว่าเป็นของอันที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานศุลกากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 จึงแจ้งสิทธิและข้อกล่าวหาให้ น.ส.วิภาวรรณ ทราบ พร้อมทำบันทึกจับกุมและนำของกลางส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ตาพระยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เพื่อตรวจสอบการจับกุมข้าวสารและข้าวเปลือกดังกล่าว พบว่า ทาง สภ.ตาพระยา ได้แจ้งข้อหาไม่เสียภาษีศุลกากรกับผู้ต้องหาแล้ว พร้อมกับนำของกลาง แบ่งเป็น ข้าวสารเหนียวและข้าวเปลือกเจ้าจากกัมพูชารวมประมาณ 60 ตัน ที่อายัดไว้ไปเก็บรักษาไว้ที่โกดังสหกรณ์ อ.ตาพระยา ซึ่งมีสภาพเป็นโกดังเก่า ไม่มีรั้วรอบขอบชิด อยู่ระหว่างประสานส่งบันทึกจับกุมให้กับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ ดำเนินการตามกฎหมาย โดยด่านศุลกากรแจ้งรายละเอียดเพียงว่า ยังไม่ได้มีการส่งบันทึกจับกุมมายังด่านศุลกากร
อย่างไรก็ตาม สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหากลุ่มนี้ จะใช้วิธีการลักลอบนำข้าวสารเหนียวและข้าวเปลือกเข้ามาตามบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามช่องทางธรรมชาติ โดยซุกซ่อนข้าวไว้ในรถบรรทุกและใช้มันสำปะหลังเทปิดทับไว้เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ก่อนจะนำมาเทรวมกับไว้ที่โกดัง เพื่อคัดแยกข้าวสารและข้าวเปลือกออกจากมันสำปะหลัง เพื่อส่งขายต่อไป ขณะเดียวกัน ล่าสุด จากการตรวจสอบรายชื่อของผู้ต้องหารายดังกล่าว กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระแก้ว พบว่า ผู้ต้องหารายนี้ ไม่ได้มีการขออนุญาตนำเข้าข้าวสารและข้าวเปลือก หรือนำเข้ามันสำปะหลัง จากฝั่งประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด ถือเป็นการลักลอบนำเข้าด้วยตนเองทั้งหมด
——————————–
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: