X

แรงงานเขมรทะลักเข้าตัดอ้อยช่องอนุโลม 2,000-3,000 คนต่อวัน ระบุถูกเก็บคนละ 10 บาท

สระแก้ว – แรงงานเขมรทะลักเข้าตัดอ้อยช่องอนุโลม 2,000-3,000 คนต่อวัน หลังกองกำลังบูรพาขยายเวลาเข้าออกแบบไปเช้า-เย็นกลับ อ้างถูกเก็บคนละ 10 บาทก่อนข้ามมาไทย ด้าน ผบ.ร้อย ทพ.1302 ระบุ ตรวจสอบกับ ตชด.ฝั่งกัมพูชายืนยันว่า ไม่มีการเก็บใด ๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านที่ประกอบอาชีพตามนโยบายของทั้งสองประเทศ

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 12 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ช่องอนุโลมดอยเต่า บ้านทับพริก-คลองหว้า ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 2,000-3,000 คน เดินทางข้ามแดนเข้ามาเพื่อรับจ้างตัดอ้อยและทำงานด้านการเกษตรในพื้นที่ อ.คลองหาด อ.อรัญประเทศ และพื้นที่ใกล้เคียงใน จ.สระแก้ว ภายหลังกองกำลังบูรพา มีคำสั่งให้ขยายเวลาห้วงการนำแรงงานเขมรจากราชอาณาจักรกัมพูชา เข้ามาตัดอ้อยในประเทศไทยในลักษณะมาเช้า-เย็นกลับ จากเดิมกำหนดไว้ห้วงเวลา 07.00-17.00 น โดยขยายเพิ่มเป็น ตั้งแต่เวลา 05.30-18.30 น.นั้น ส่งผลให้มีแรงงานเขมรทะลักเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่องเขาดอยเต่า ต.ทับพริก และช่องเขาช่องแคบ อ.คลองหาด

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชาวไร่รายหนึ่ง ซึ่งเดินทางไปรับแรงงานเขมรมาทำงานเกษตรในพื้นที่ แจ้งว่า แรงงานชาวกัมพูชานิยมเข้ามาลักษณะนี้มากกว่า เพราะสะดวก ได้ค่าจ้างที่สูงกว่า เช่น ตัดอ้อยได้ในราคามัดละ 3 บาท จากเดิมที่เข้ามาอยู่ในช่วงฤดูกาลได้เพียงมัดละ 2 บาท อีกทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ขณะที่การเข้ามาแบบไปเช้า-เย็นกลับ เสียเงินเพียงคนละ 10 บาทจากฝั่งเขมรก่อนที่จะข้ามมายังฝั่งไทยเท่านั้น

ขณะที่ ร.ท.สมโภช จรัญยาอ่อน ผบ.ร้อย ทพ.1302 ระบุว่า ที่ผ่านมาทางฝ่ายไทยและกัมพูชามีการพัฒนาความสัมพันธ์กันมาตลอดเกือบจะทุกเดือน กรณีที่บอกว่า ต้องจ่าย 10 บาทก่อนข้ามมายังฝั่งไทยนั้น ได้ตรวจสอบไปยังฝ่าย ตชด.ที่ดูแลพื้นที่แล้ว ยืนยันว่า ไม่มีการเก็บเงิน อาจจะมีการแอบอ้างเก็บค่าใช้จ่ายโดยบุคคลอื่นได้ ซึ่งทางกัมพูชาจะได้ตรวจสอบต่อไป สำหรับฝั่งประเทศไทยนั้น เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร เราทำตามนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวก โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับบัญชารับทราบทุกขั้นตอน

ผบ.ร้อย ทพ.1302 กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการนำแรงงานเขมรเข้ามาตัดอ้อยนั้น จะมีแบบรายงาน แรงงานเข้ามาเช้า-เย็นกลับ ของจุดผ่อนผันแรงงานชาวกัมพูชาเขาดอยเต่า ให้เกษตรกรผู้ประกอบการไร่อ้อยหรือชาวไร่อื่น ๆ ได้กรอกก่อนมารับแรงงาน ซึ่งต้องกรอกชื่อ อายุ เลขบัตรประชาชน ประเภทงานเกษตร จำนวนแรงงาน เวลาเข้า-ออก และทะเบียนรถยนต์ที่มารับ เพื่ออนุญาตให้แรงงานเข้าไปในเขตพื้นที่ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 13 ซึ่งจะต้องมีลายเซ็นของผู้ขอรับแรงงาน , ผบ.ร้อยฯ ที่ดูแลจุด ,ผู้ร่วมตรวจสอบที่เป็น รอง สวป.สภ.คลองน้ำใส และผู้ร่วมตรวจสอบ กำนันตำบลทับพริก ก่อนนำเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งทั้งหมดไม่มีการเรียกเก็บเงินหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามืด หลังเวลา 05.30 น.ของทุกเช้าจนถึงช่วง 08.00 น. แรงงานชาวกัมพูชาจะเตรียมเครื่องมือการเกษตร มีด พร้า กระติกน้ำ ข้าวปลาอาหาร เดินทางข้ามมายังฝั่งประเทศไทย เพื่อรอนายจ้างที่เป็นผู้ประกอบการชาวไร่อ้อย ไร่ข้าวโพดและอื่น ๆ นำรถปิกอัพและรถบรรทุก มาติดต่อรับไปทำงานจำนวนมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมาหลายเท่า หลังจากฝ่ายทหารได้อำนวยความสะดวกเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยเกือบ 40,000 ไร่ ให้สามารถตัดอ้อยเข้าโรงงานได้ทันปิดหีบในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"