X

แก๊ง 18 มงกุฎซื้อขายที่ดิน หลอกยายวัย 67 ปีสูญเงินสามแสน

ปราจีนบุรี – คุณยายวัย 67 ปี เสียท่าถูกกลุ่ม 18 มงกุฎ ทำทีจะมาหาซื้อขายที่ดิน หลงกลถูกหลอกให้ไปกดเงินสดสามแสนบาท หลบหนีลอยนวล

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์ผ่านสื่อจาก นางทองดี มาลากุล อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ม.10 ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โดยป้าทองดี กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ตนเปิดแผงขายผลไม้ที่หน้าสวน “มาลากุล” ถนนเกาะเค็ดปราจีนบุรี ได้มีหญิงชายมาทำทีซื้อผลไม้ที่แผง และถามว่าแถวนี้มีใครจะขายที่ดินบ้างหรือไม่ เพราะมีคนอยากซื้อที่ดินอยู่แถวปราจีนบุรี ซึ่งป้าทองดี ก็บอกว่า พอรู้จักคนจะขายอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะขายหรือไม่ กลุ่มแปลกหน้าทำทีสนใจมากและโทรติดต่อทางมือถือคุยให้ได้ยินและบอกว่านายสนใจจะซื้อที่ดินแถวนี้จะพานายมาซื้อที่ดินด้วยตัวเอง

คุณป้าทองดี เล่าอีกว่า จากนั้นได้กลุ่มชายหญิงกลับไป วันต่อมากลุ่มคนแปลกหน้าก็มาพูดคุยด้วย บอกว่า คนที่จะซื้อที่ดินเป็นนายทุนเป็นคนที่พวกตนรู้จัก กระทั่งวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มคนแปลกหน้ามาที่แผงผลไม้ของตนอีกครั้ง โดยใช้รถเก๋งสีบรอนซ์เงินไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่ง 1 ใน 2 คน ได้ลงคุยด้วยบอกว่า นายมาจะซื้อที่ดินด้วยตัวเอง โดยมีรถเบนซ์หรูสีดำแต่งตัวดีภูมิฐานรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาว บอกให้พาไปพบคนที่จะขายที่ด้วย ซึ่งกลุ่มคนแปลกหน้าคุยกันว่า จะให้ป้าพาไปหาคนที่จะขายที่ ซึ่งป้ารู้จักเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน

โดยป้าทองดี บอกกับคนกลุ่มนั้นว่า คงไปพบตัวเขาไม่ได้ง่าย ๆ เพราะเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน กลุ่มคนแปลกหน้าจึงพูดจาหว่านล้อมให้ป้ายอมขึ้นรถไปด้วย ซึ่งถามป้าว่า รู้จักวัดหนองจอกหรือไม่ ป้าบอกว่า ไม่รู้แต่เคยได้ยินชื่อ กลุ่มคนแปลกหน้าพยายามคุยถามนู่นนี่นั่นตลอดเวลา ชวนป้าขึ้นรถเก๋งมากับเขา ชายหนุ่มหนึ่งในนั้น ได้คุยโทรศัพท์กับอีกคนให้ได้ยินว่า นายครับตอนนี้กำลังจะไปหาคนที่จะขายที่แล้ว และขับรถพาป้าทองดีไปทางวัดหนองจอก ห่างจากบ้านป้าไปราว 4-5 กม.

“เมื่อมาถึงบริเวณสี่แยก หนึ่งในนั้นจอดรถเรียกถามผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในศาลาริมทางข้างสี่แยก หนึ่งในนั้นร้องถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ในศาลาว่า รู้จักบ้านคนที่ชื่อ สมพร บ้านอยู่แถวนี้หรือแถววัดหนองจอกหรือเปล่า ซึ่งผู้หญิงร่างอวบใส่แว่นตอบมาว่า ตนนี่แหละชื่อ สมพร ทุกคนจึงพากันลงจากรถคุยกันที่ศาลานั้น ซึ่งป้าเองก ก็ลงมาจากรถด้วย คนที่แต่งตัวดีภูมิฐานที่คนพากันเรียกว่า นาย คุยกันถึงเรื่องจะขายที่ หญิงคนดังกล่าวบอกว่าจะขายที่ดินที่เอาไปจำนองที่ร้านทองไว้ที่นครนายกสองล้านกว่าบาท ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า อยากได้เงินไปไถ่ถอนโฉนดออกจากร้านทอง แต่มีเงินไม่พอ ชายคนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า ผมมีเงินติดตัวมาแค่สามแสน จะทำไงกันดีล่ะ และบอกจะไปถ่ายโฉนดออกมาวันนี้ ป้ามีเงินเท่าไหร่ ป้าก็บอก มีไม่มากกลุ่มคนแปลกหน้าบอกว่า ถ้าจะไปไถ่ถอนโฉนดที่ร้านทองจะให้ป้าทองดีเก็บเอกสารกับโฉนดไว้คนเดียว เพราะไม่ไว้ใจใคร จากนั้นหญิงใส่แว่นดำร่างอวบเข้ามาจับแขนคล้ายกับบีบนวดไปมาเบา ๆ ขณะนั้นป้าก็เริ่มรู้สึกตัวว่า กำลังเบลอ ๆ มึนงงแล้วจำอะไรไม่ค่อยได้อีกเลย ” ป้าทองดี เล่าให้ฟังและพูดต่อว่า

ตอนนั้นรู้แต่เพียงว่า ทุกคนให้กลับมาที่บ้าน เพื่อที่มาเอาสมุดเงินฝากมาทำตามที่เขาบอกแต่โดยดี ไปถึงที่ธนาคารออมสินกดเงินสดสามแสนออกมาอย่างง่ายดาย และกลับมาที่รถ หนุ่มรูปหล่อบอกว่า ให้ยายลงไปถ่ายเอกสารบัตรประจำตัวให้ก่อน ซึ่งหลังป้าทองดีลงจากรถไปได้พริบตาเดียว หันกลับมาไม่เห็นรถเห็นคนที่มาด้วยกันแล้ว จากนั้นเกือบชั่วโมงจึงได้สติค่อย ๆ กลับคืนมาบ้างแล้ว นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จึงรู้ว่า ตนเองถูกหลอกให้ถอนเงินไปจนหมดแล้ว จากนั้นก็ร้องไห้ติดต่อหาลูกสาว บอกจะหนีไปอยู่ที่อื่นไม่อยากอยู่ให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้ว ลูก ๆ และสามีพากันปลอบใจและให้กำลังใจ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ภายหลังสอบถามข้อมูลทั้งหมด ซึ่งสภาพจิตใจของป้าทองดียังตกอยู่ในอาการเสียใจ กินอะไรไม่ลง นั่งนอนร้องไห้ทั้งวัน และขณะนี้ได้เดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร ต.อ.วิศ บุญทิจักร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างแกะรอยดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีต่อไป

—————————-
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"