X

ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่มลักทรัพย์ ลอบตัดไม้ในที่ดิน สปก. เปิดภาพคลิปไม้แปรรูปหายก่อนเข้าจับกุม

สระแก้ว – ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่มลักทรัพย์ กรณีลักลอบตัดไม้ในที่ดิน สปก.พื้นที่บ้านบ่อนางชิง ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เปิดภาพไม้แปรรูปล่องหนหายไปก่อน จนท.เข้าจับกุม แฉมีนายทุนกว้านซื้อที่ดิน สปก.ในพื้นที่จำนวนมาก และใช้รถแบคโฮเข้าตีป่าแล้ว ส่วนเจ้าของไม้ระบุ รับเฉพาะไม้ที่พบ ส่วนแรงานต่างด้าวเป็นของผู้ใหญ่บ้าน

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ทหารและป่าไม้เข้าจับกุมการลักลอบตัดไม้ในที่ดิน สปก.พื้นที่บ้านบ่อนางชิง ม.4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว โดยพบไม้ของกลางจำนวนมากและแรงงานต่างด้าวเกือบ 20 คน ในกระท่อมเพิ่งพักคนงานกลางป่าอ้อยของ นายสุบรรณ เซียมกิ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านบ่อนางชิง ที่ระบุว่าไม้หวงห้ามดังกล่าวเป็นของ นายสมศักดิ์ กุลศิริ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186 ม.4 ต.เขาสามสิบ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว และนางมาเรียม น้อยเจริญ อายุ 49 ปี สองสามีภรรยา พร้อมกับไปตามให้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ยึดไม้ของกลางไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สก.3 (หนองน้ำใส) และตั้งข้อกล่าวหานายสมศักดิ์ว่า กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 เนื่องจากมีการตัดไม้ในพื้นที่ สปก.นั้น

ล่าสุด ช่วงบ่ายวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ กุลศิริ พร้อมด้วย ภรรยาและญาติรวม 3 คน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมชาย อยู่ระ รอง ผกก.สภ.วัฒนานคร และพนักงานงานสอบสวน เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ประกันตัวไปด้วยวงเงิน 150,000 บาท ซึ่งนายสมศักดิ์และภรรยา ยอมรับว่า ไม่ทราบว่าตัดไม้ในที่ดิน สปก.ไม่ได้และรับเฉพาะไม้ที่เจ้าหน้าที่พบและยึดเป็นของกลางเท่านั้น ส่วนไม้ที่หายไปไม่ทราบว่าเป็นของใคร ทั้งนี้ จากคำให้การของผู้ต้องหายังขัดแย้งกับข้อมูลความจริง เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าไม้ทั้งหมดที่ตรวจพบเป็นของตนเอง

ซึ่ง พ.ต.ท.สมชาย อยู่ระ รอง ผกก.สภ.วัฒนานคร และพนักงานงานสอบสวนคดีนี้ กล่าวว่า ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดิน สปก.ของสองสามีภรรยาแล้ว พบเพียงตอไม้ที่อ้างว่าตัดในที่ดิน สปก.ของตนเองเพียง 3 ตอเท่านั้น แต่ไม้ของกลางที่พบมีจำนวนมากกว่า ไม่น่าจะใช่ไม้จากตอไม้แค่ 3 ต้น ซึ่งเรื่องนี้ ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างประสานให้ทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จ.สระแก้ว หรือ สปก.เข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง โดยวันนี้ได้มีการเรียกผู้ต้องหา มาพิมพ์ลายนิ้วมือและสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งแจ้งข้อหาลักทรัพย์เพิ่มเติมด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่กรณีดังกล่าว มีการนำข้อมูลคลิปภาพวีดีโอไม้ที่มีการลักลอบตัดในที่ดิน สปก.มาเผยแพร่ ปรากฏว่า จากคลิปพบภาพไม้ที่หายไป ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดู ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามที่แปรรูปแล้วเป็นแท่งที่พร้อมส่งไปจำหน่ายได้ทันที ได้หายไปจากบริเวณจุดที่มีการเข้าจับกุมจำนวนมาก ส่วนแรงงานต่างด้าวเกือบ 20 คน ที่พบในจุดเข้าจับกุม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ใด ซึ่งแรงงานให้การว่าไม่มีเอกสารใด ๆ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากชาวบ้านในพื้นที่ด้วยว่า ขณะนี้มีนายทุนจากพื้นที่ภาคตะวันออก ได้มากว้านซื้อที่ดิน สปก.ในบริเวณบ้านบ่อนางชิงจำนวนมาก โดยมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เป็นนายหน้าและช่วงที่ผ่านมา ก็ได้มีการนำรถแบคโฮเข้าไปตีป่าและตัดไม้ออกจากพื้นที่ด้วยเช่นกัน

นางมาเรียม น้อยเจริญ อายุ 49 ปี ภรรยาของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนเองและสามียอมรับเฉพาะไม้ที่พบและยึดไปจากบ้านพี่ชายเท่านั้น ส่วนไม้ที่หายไปนั้นตนไม่ทราบ ส่วนแรงงานต่างด้าวที่เจ้าหน้าที่พบระหว่างเข้าจับกุมเป็นคนงานของผู้นำหมู่บ้าน ที่นำเข้ามาทำงาน ตนไม่รู้เรื่องด้วย ซึ่งตนเองและสามีมีอาชีพแค่รับจ้าง ทุกวันนี้เขาจ้างให้เข้าไปตีป่าไปถางตรงไหนก็ไป ซึ่งบริเวณข้างที่ดินของตนเองบริเวณข้างเขา ก็มีรถของนายทุนนำรถแบคโฮมาตีป่าอยู่ ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการแต่อย่างใด

ทางด้าน นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่า มีความผิดหรือเกี่ยวข้องจริง จะต้องมีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน

—————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"