X

“วีระ สมความคิด”พา รอง หน.พรรคเสรีรวมไทย บุกชายแดนป่าไร่ จ.สระแก้ว รับเรื่องร้องเรียนชาวบ้านถกเครียดทหารกีดกันชาวบ้าน

สระแก้ว – จวกกันเละ!! “วีระ สมความคิด”พา รอง หน.พรรคเสรีรวมไทย บุกชายแดนป่าไร่ รับเรื่องร้องเรียนชาวบ้านกรณีปัญหาที่ดินชายแดน ถกเครียดทหารกีดกันชาวบ้านทำกินชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณที่ดินของนายสารี มาลาหอม ริมถนนศรีเพ็ญ ม.8 บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายวิรัตน์ วรศสิริน รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายวีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานด้านคอรัปชั่นพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางลงพื้นที่มาพบปะประชาชนบ้านป่าไร่ใหม่และประชาชนจากพื้นที่ตาพระยา รวมเกือบ 100 คน กรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านน้อยป่าไร่ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่สามารถเข้าทำกินในพื้นที่ดินเอกสารสิทธิ์ นส.2 ของตนเอง บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นำโดยนายชุมพล วัฒนพรรค แกนนำชาวบ้านน้อยป่าไร่เดิมและเจ้าของที่ดินเอกสารสิทธิ์ น.ส.2 ที่อยู่ระหว่างพิพาทในศาลจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากปัจจุบันชาวบ้านดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ ตชด.911 ประเทศกัมพูชา เข้ามาอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนกัมพูชาถึงถนนศรีเพ็ญของไทย และถูกเจ้าหน้าที่ทหารกีดกันต่าง ๆ นานา จนมีการร้องเรียนไปที่กองบัญชาการทหารสูงสุด กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏร และมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐสภาถึงกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานด้านคอรัปชั่นพรรคเสรีรวมไทย ได้เข้ารับฟังข้อมูลดังกล่าว โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเกือบทุกหน่วยงาน อาทิ นายชนาธิป โคกมณี นายอำเภออรัญประเทศ ,ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว ,ผู้แทนเจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้ที่ 9 ปราจีนบุรี ,ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว, ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ,เจ้าพนักงานที่ดิน สาขาอรัญประเทศ , กำนันตำบลป่าไร่, ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 บ้านป่าไร่ใหม่ ร่วมสังเกตการณ์ เพื่อรับฟังปัญหาและชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของตนเอง โดยมีตัวแทนฝ่ายทหารจากกองกำลังบูรพา พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี รอง เสธ.กองกำลังบูรพา เป็นผู้มาชี้แจงในฐานะตัวแทนฝ่ายทหาร ซึ่งมี พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. เดินทางมาร่วมรับฟังปัญหาด้วย

ขณะที่ตัวแทนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ 9 ปราจีนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้กรมป่าไม้อยู่ระหว่างการส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ ซึ่งกรมป่าไม้จะต้องมาตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับทางทหารอีกครั้งหนึ่งในขั้นตอนต่อไปสำหรับพื้นที่ ส่วนในขั้นตอนการดูแลราษฎรที่ทำกินอยู่ในพื้นที่อนุญาตทหารได้ใช้ประโยชน์ ทางกรมป่าไม้ก็มีแนวทางคือ ชาวบ้านที่ถือครองและทำกินอยู่แล้วก็จะดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรที่ครอบครองต่อไป กรณีที่ราษฏรเข้าดำเนินการในพื้นที่ที่มีสภาพป่าหลังปี 2557 ก็จะดำเนินการตามกฎหมายป่าไม้ ส่วนกรณีที่อ้างกันว่า มี นส.2 ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องไปตรวจสอบว่า นส.2 เป็น นส.2 ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือยังมีสิทธิ์ตามกฎหมายหรือเปล่า จึงจะได้ดำเนินการในพื้นที่ที่ทับซ้อนกับป่าสงวนต่อไป

โดยจากการสอบถามของ นายวีระ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวทหารขอใช้ไม่ใช่ขอเช่า คนขอเข้าใช้มีอำนาจในการดูแล ซึ่งหมายความว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.62 ทหารยังไม่ส่งมอบพื้นที่คืนให้กรมป่าไม้ ซึ่งในระหว่างที่ทหารยังไม่ยอมส่งมอบที่ดินคืนให้กับกรมป่าไม ซึ่งเกินมาแล้ว 3 ปี ซึ่งใครก็ไม่สามารถเข้าไปทำอะไรได้ ซึ่งอำนาจจริง ๆ จะเป็นของกรมป่าไม้หรือไม่ ป่าไม้จะเที่ยวไปดำเนินคดีกับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านสามารถฟ้องกลับกรมป่าไม้ได้เหมือนกันว่า กรมป่าไม้ไม่มีสิทธิ์ เพราะสิทธิ์อยู่ในความดูแลของทหาร หลังจากนี้จะเป็นปัญหาแน่นอน ซึ่งกรมป่าไม้จะต้องรีบไปดำเนินการให้ทหารส่งมอบคืน ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย หากมีการไปจับชาวบ้านคนใดคนหนึ่ง หากมีการฟ้องกลับกรมป่าไม้ว่า กรมป่าไม้ไม่มีอำนาจ เพราะอำนาจที่จะไปดำเนินคดีกับเค้ามันไม่ชัดเจน

“มันไม่รู้ว่าใครมีอำนาจจริง ระหว่างทหารกับกรมป่าไม้ และบางพื้นที่กรมป่าไม้ไปประกาศพื้นที่ป่าทับที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งปัจจุบันไม่มีอะไรชัดเจนซักอย่าง ซึ่งคนที่จะเสียหายที่สุดคือ ชาติ ประชาชน ที่อยู่แถวนี้เค้าเสียหาย ตราบใดที่ราชการไม่มีความชัดเจน จะเป็นปัญหากล่าวอ้าง ชาวบ้านก็อยากจะเข้าทำกิน ก็เข้าทำไม่ได้เต็มที่ เพราะราชการก็จะอ้างกฏหมายนั้นกฎหมายนี้ อ้างหน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ตลอด นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นที่ตนเห็น ซึ่งถามชาวบ้าน ๆ ก็ตอบว่า ใช่”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่เข้าร่วมร้องเรียนได้แสดงความคิดเห็นผ่านไมค์ว่า ท่านบอกว่าตรงนี้คือประเทศไทย พี่น้องมีใบจอง นส.2 ผมจะขอท่านเลย จองให้ได้ทำกินตามสิทธิ์ของเค้า อย่างไปอ้างว่าแบ่งยังไม่ได้ ไม่ชัดเจน เพราะคลุมเครือ ขณะที่พื้นที่อ้างสิทธิ์ของไทยหลังเส้น MOU กลับมีการปล่อยให้ชาวกัมพูชาเข้ามาทำกินและปลูกบ้านอยู่กันจนประชิดเส้น MOU ซึ่ง พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี รอง เสธ.กกล.บูรพา ชี้แจงว่า ตามประกาศของ พรบ.ป่าสงวนปี 2507 คนที่ทำกินได้ต้องมีเอกสารสิทธิ์ และเอกสารสิทธิ์ในการครอบครอง ปัจจุบันยังไม่ชัดเจน ต้องตรวจสอบด้วยว่า หลักฐานต่าง ๆ ในการครอบครองถูกต้องมั้ย เป็นพื้นที่ที่มาก่อนประกาศของป่ามั้ย ต้องผ่านการพิสูจน์ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่มีอำนาจที่จะมอบให้ทำกินหรือไม่ทำกินได้

แต่เมื่อจะมีการนำ นส.2 มาให้ทหารดู ก็ไม่ต้องการดูอ้างว่ามีอยู่แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน สาขาอรัญประเทศ ชี้แจงว่า ใบจองดังกล่าวออกเมื่อปี 2504 ก่อนประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 ไม่ใช่ว่าที่ดินบอกว่าให้มาทำประโยชน์ แต่ระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ บอกว่า การจะออกที่ดินให้กับชาวบ้านได้โดยอาศัยใบจอง ให้ทำประโยชน์ 2 ใน 3 ฉะนั้นก็วนกลับมาเหมือนเดิม ง่าย ๆ คือ ชาวบ้านทำประโยชน์ได้หรือเปล่า ส่วนการพิสูจน์สิทธิ์ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดกรองเอกสารขั้นตน กรณีที่บอกว่า เอกสารถูกต้องเกือบทั้งหมด แต่การส่งมอบครอบครองถูกแปลงถูกตำแหน่งหรือไม่ กรณีที่ชาวบ้านพิพาททะเลาะกันเองเราก็ไม่อาจก้าวล่วง จึงขอย้ำว่า คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจะออกโฉนดที่ดินตามเอกสารใบจอง ต้องทำประโยชน์ 2 ใน 3 เท่านั้น

สำหรับช่วงหนี่งของการชี้แจงของ พ.อ.ชัยณรงค์ ฯ ได้ถูกชาวบ้านโห่ร้องไม่พอใจ หลังจากมีการถกเถียงเรื่องการเก็บกู้ระเบิด ซึ่งมีการถามว่า ใครเป็นผู้วางระเบิดในพื้นแนวชายแดน ซึ่งมีทั้งทหารฝั่งกัมพูชาและทหารไทย โดยมีการสอบถามชาวบ้านว่า ประชาชนยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางระเบิดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งสมัยสงครามมีทั้งเขมรแดงและฝั่งไทยวางระเบิด ซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปีแล้วใครเป็นคนวาง จนมีการถกเถียงว่า 30 ปี ทำไมทหารเก็บกู้ไม่เสร็จสิ้นจนนำมาเป็นข้ออ้างไม่ให้ชาวบ้านเข้าพื้นที่ ซึ่งทหารพยายามชี้แจง แต่ชาวบ้านไม่รับฟัง โดยทหารอ้างว่า พื้นที่ทั้งหมดยังไม่หมดสิ้นทั้งหมด จนนำมาสู่การถกเถียงว่า พื้นที่ทับซ้อนฝั่งกัมพูชา เหตุใดทหารปล่อยให้กัมพูชามาสร้างบ้านจนประชิดเส้น MOU ทำไมเค้าสร้างบ้านได้ แสดงว่า มีการเคลียร์หมดแล้วใช่มั้ย แต่ระเบิดทำไมมาเหลืออยู่ในเฉพาะฝั่งไทยเท่านั้น จนนำไปสู่การถกเถียงเรื่องความไม่ชัดเจนของพื้นที่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสืบเนื่องมาจาก พื้นที่ข้างเคียงสามารถเข้าทำกินได้ แต่บริเวณนี้ไม่สามารถเข้าทำกินได้ ซึ่งมีข้อมูลชัดเจนว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารทุจริตปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดทางให้มีการขนแรงงานต่างด้าวและสินค้าเถื่อน จนมีการดำเนินการกับ ผบ.ชค.ฯ และ ผบ.ร้อยฯ 7 คน ที่กระทำความผิดในช่วงที่ผ่านมา แต่ไม่มีการส่งให้ ปปช.ดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งนายวีระกล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งที่ตนเองพูดไม่ใช่การกล่าวหาเลื่อนลอย จึงต้องการให้ปัญหาที่เป็นแดนสนธยา ซึ่งเชื่อว่า มีการเอื้อผลประโยชน์ให้มีการกระทำความผิดและเชื่อเลย เพราะทหารก็ยอมรับว่า มีการกระทำความผิด แต่ไม่ยอมส่ง ปปช.แล้วมาบอกว่า ประชาชนมีหลักฐานก็ส่ง ปปช.เอง ซึ่งมันเป็นเรื่องอะไร ในเมื่อประเทศเสียหาย คุณมีหน้าที่ คุณมีอำนาจหน้าที่ดูแล คุณเป็นคนตรวจ ก็คนของคุณทุจริต คุณต้องส่ง ปปช. กฎหมายบอกอย่างนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของประชาชน หน้าที่คุณ คุณต้องทำ

ซึ่งกรณีดังกล่าว พ.อ.ชัยณรงค์ ชี้แจงว่า ที่มีการตรวจสอบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทองคำที่อาจารย์บอก แต่เมื่อถูกถามว่า มีการทุจริตหรือเปล่า ทางทหารตอบว่า ทหารมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดนคำสั่งของกองทัพในการสั่งย้าย เมื่อถามว่า ทำไมไม่ส่ง ปปช. ทหารก็ตอบว่า ต้องดูหลักฐานด้วยว่า หลักฐานพอหรือไม่ ซึ่งการย้ายข้างต้นเนื่องจากผิดวินัยทหาร ซึ่งหลักฐานที่ผิดไม่สามารถยื่น ปปช.ได้ ทำให้นายวีระ สรุปว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารยังแถอีก จนทำให้ชาวบ้านที่รับฟังอยู่ร่วมกันปรบมือเสียงดังลั่น และนายวีระประกาศด้วยว่า ขอให้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศดูและตัดสินใจเอง

 

———————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"