X

หลอกคนไทยไม่ใช่เหยื่อ!! รับคนไทย 94 คน จากกัมพูชา PCT ลั่นพร้อมทำสงครามแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทยทุกรูปแบบ

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ไทยรับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์คนไทย 94 คน จากพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว โดยมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว 74 หมายจับ ลั่นพร้อมทำสงครามกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากคนไทยยังคิดจะหลอกคนไทยกลับมาจะเป็นเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 29 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการกัมพูชาได้นำตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์คนไทย มาส่งที่บริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร (PCT) มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT กับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 ,พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมกันรับตัวคนไทย ที่ถูกเนรเทศส่งกลับประเทศไทย จำนวน 94 คน ภายหลังมีการประสานงานร่วมกับฝ่ายความมั่นคงกัมพูชา เข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งการรับตัวคนไทยดังกล่าว ได้มีการเดินทางออกจากกรุงพนมเปญ ตั้งแต่ช่วงเวลา 06.00 น. โดยในจำนวนนี้ มีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้ว จำนวน 74 หมายจับ เพื่อดำเนินคดีในประเทศไทยด้วย และยังมีการจับกุมบุคคลในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังไม่มีหมายจับอีก จำนวน 20 คน รวมทั้งสิ้น 94 คน โดยทั้งหมดได้ถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายของประเทศกัมพูชาแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมด และจากการขยายผล ทราบว่า กลุ่มบุคคลทั้งหมดเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 4 แก๊ง และมีอีกหลายรายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งร่วมกับชาวไต้หวัน ซึ่ง ศปอส.ตร.(PCT) จะทำการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ จากนั้น จะนำตัวคนไทยมาคัดแยก เพื่อส่งให้กับพนักงานสอบสวนจากสถานีท้องที่ที่ออกหมายจับ รับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ประกอบด้วย สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จำนวน 25 หมายจับ ,สภ.เมืองจันทรบุรี จำนวน 10 หมายจับ ,สน.พหลโยธิน จำนวน 18 หมายจับ และ สน.บางเขน จำนวน 21 หมายจับ

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT ผู้แทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเพราะปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่า เป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไทยมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งการดำเนินการนี้สำเร็จเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างตำรวจไทยกับตำรวจกัมพูชา ที่มีความสัมพันธ์อันดีตลอดมา และมีแนวทางร่วมกัน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการปฏิบัติการทั้ง 4 แห่ง พบว่า มีการรับแจ้งคดีคอลเซ็นเตอร์ในช่วงเดือนกรกฎาคม 65 ทั้งสิ้น 491 คดี ลดลงจากเดือน มิถุนายน 65 กว่า 474 คดี (มิ.ย.65 รับแจ้ง 965 คดี) ซึ่งขณะนี้พบอีกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกหลวงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตำรวจ PCT ได้วิเคราะห์ไว้ได้หมดแล้ว และมีแนวทางที่จะทำสงครามทุกรูปแบบทุกมิติกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตราบใดที่คนไทยยังคิดหลอกคนไทย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะยังไม่หมดไป หากคนไทยคนไหนคิดจะไปเข้าร่วมขอให้รู้ไว้ว่า คุณจะกลับมาประเทศมาเยี่ยงอาชญากร มิใช่เหยื่อ

สำหรับที่มาของการส่งตัวผู้ต้องหาคอลเซ็นเตอร์ 94 คน มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในไทย

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ PCT มอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจภูธรภาค 2 รับตัวคนไทยส่งกลับจากประเทศกัมพูชา จากการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แห่ง ในประเทศกัมพูชา จำนวน 94 ราย และมีการออกหมายจับ จำนวน 79 ราย โดย

👉จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถนนสองธนู เมืองพระสีหนุ กัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 21 คน โดยมีแผนประทุษกรรมหลอกให้หลงและหลอกให้รักในแอปทินเดอร์ จากนั้นจะเริ่มหลอกลวงให้ร่วมลงทุนฟอเร็กซ์ และชักนำให้ลงทุนกับโบรกเกอร์ปลอมเพื่อหลอกเอาเงิน

👉จุดที่ 2 อาคาร 5 ชั้น ถนน 104 เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 คน โดยมีแผนประทุษกรรมคือ ฝ่ายคุมระบบ หรือฝ่าย IT จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ AI เป็นเบอร์โทรต้นทางโทรผ่านระบบ VOIP ไปยังเหยื่อเป็นคนไทย หากมีการรับสายจะเป็นระบบอัตโนมัติ แจ้งข้อมูลมีพัสดุผิดกฎหมาย อ้างว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และหลอกให้ผู้เสียหายแสดงความบริสุทธิ์ โอนเงินที่มีเพื่อทำการตรวจสอบ

👉จุดที่ 3 อาคาร 8 ชั้น ถนน 702 เมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 คน โดยมีแผนประทุษกรรม โดยจะอ้างว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อ หลอกลวงเอาค่าธรรมเนียมต่างๆ จากเหยื่อที่มากู้เงิน

👉จุดที่ 4 ตึกสามชั้น ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ตำบลปอยเปต อำเภออูร์ชเรา จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 25 คน โดยมีแผนประทุษกรรม คือหลอกลวงเป็นพนักงานจากบริษัทขนส่งพัสดุบริษัท DHL ได้ทำการตรวจสอบพัสดุพบสิ่งผิดกฎหมาย และมีอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. ด้วย โดยจะมีการสอบถามข้อมูลต่างๆของผู้เสียหาย ซึ่งจะอ้างว่าเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายถูกร้องเรียนจากการกระทำความผิด และมีข้อมูลว่าผู้เสียหายมีการขายบัญชี อ้างว่าจะต้องให้ผู้เสียหายส่งเงินเข้ามาตรวจสอบ

ทั้งนี้ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ ได้สั่งการให้ตำรวจ PCT รอรับตัวและซักถามปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด และจากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 94 รายนี้ ทำให้ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง 4 แก๊งอีกหลายราย รวมไปถึงหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวัน ซึ่งศูนย์ PCT จะขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ

———————–
ข่าว-ภาพโดย/รักพงษ์ กิตติวรเมธี ทีมข่าวสระแก้ว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"