สระแก้ว – ปลัดจังหวัดสระแก้วแถลงผลตรวจยึดบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่ ลักลอบขนเข้าไทย มูลค่าปรับ 36 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัลลภ ประวัติวงศ์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย นายสุดใจ คนทัตย์ สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว พ.ต.อ.ฐาปนนท์ หน่องพงษ์ ผกก.ตชด.12 แถลงผลตรวจยึดบุหรี่เถื่อน หลังได้รับรายงานว่า จะมีขบวนการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนจากฝั่งกัมพูชา ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยตามช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนด้าน ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงสนธิกำลังหลายหน่วยงาน ร่วมกันออกลาดตระเวนเข้มป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนเข้าไทยตามช่องทางธรรมชาติ บริเวณชายแดนพื้นที่ ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ตรวจพบกองกระสอบพลาสติกสีฟ้าต้องสงสัยวางซุกซ่อนอยู่บริเวณริมคลองชายแดน ท้ายหมู่บ้านผ่านศึก หมู่ที่ 5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงเข้าตรวจสอบพบภายในกระสอบฯ มีบุหรี่ต่างประเทศ บรรจุลังกระดาษปิดผนึกอย่างดี ซุกซ่อนอยู่ภายในจำนวนมาก พบว่า มีกระสอบพลาสติกทั้งเล็กและใหญ่ รวม 49 กระสอบ ตรวจสอบโดยรอบไม่พบผู้แสดงตนเป็นเจ้าของ จึงร่วมกันตรวจยึดและขนมาตรวจนับที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว สาขาอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการตรวจค้นภายในกระสอบพลาสติกสีฟ้าทั้ง 49 กระสอบ พบมีบุหรี่ต่างประเทศบรรจุในลังกระดาษซุกซ่อนในกระสอบ จำนวนรวม 3,895 คอตตอน หรือ 38,950 ซอง ประกอบด้วย บุหรี่ต่างประเทศตรา IZA จำนวน 3,500 ซอง, ตรา Gold Seal จำนวน 18,630 ซอง, ตรา LAPIN จำนวน 3,000 ซอง, ตรา FINE จำนวน 1,000 ซอง, ตรา LUXUARY จำนวน 11,320 ซอง, ตรา COWBOY จำนวน 500 ซอง และ ตรา ARA จำนวน 1,000 ซอง
นายสุดใจ คนทัตย์ สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า บุหรี่ต่างประเทศที่ตรวจยึดมาได้ครั้งนี้ ถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่เคยจับได้ และที่น่าสังเกต บุหรี่ทั้งหมดมีการแพ็คใส่ลังกระดาษปิดผนึกมิดชิดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่การลักลอบนำเข้ามาบรรจุกล่องในฝั่งไทย คาดว่า น่าจะเป็นการสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะมีการจ่าหน้ากล่องถึงผู้รับปลายทาง และมีสติ๊กเกอร์ EMS ซึ่งเป็นการพร้อมส่งทันที ซึ่งสรรพสามิตพื้นที่สระแก้วจะได้ทำการสืบสวนหาแหล่งที่มา และสอบสวนไปถึงปลายทางผู้รับด้วย
อย่างไรก็ตาม สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดสระแก้ว กล่าวอีกว่า บุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่นี้ รวมทั้งหมดมีจำนวน 38,950 ซอง หากคิดภาษีสรรพสามิตจะได้เงินเข้ารัฐถึง 2,446,060 บาท และมูลค่าของกลางประเมินที่ราคา 3,505,500 บาท แต่หากถ้าคิดประมาณค่าเปรียบเทียบปรับจะเป็นเงินถึง 36,690,900 บาท
——————————
