X

เด็กยอดกตัญญู !! ป่วยทางสมองออกช่วยแม่เก็บของเก่าหาเลี้ยงชีพ

ปราจีนบุรี – แห่ชื่นชมเด็กยอดกตัญญูวัย 13 ปี แม้จะป่วยทางสมอง แต่ก็ออกช่วยแม่และน้องเก็บของเก่าเพื่อหาเลี้ยงชีพหลังเลิกเรียนและเสาร์-อาทิตย์ จนแม่ค้าเอ่ยปากชมพร้อมให้แกงถุงไปกินทุกวัน

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า พบเด็ก 8 ขวบ และ 13 ขวบ ออกช่วยแม่เก็บของเก่าตามถนน เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในช่วงเวลาหลักเลิกเรียนและวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ โดยจะเก็บขยะช่วยเหลือครอบครัวทุกวัน ซึ่งหลังจากตามหา 3 แม่ลูกรายดังกล่าวระยะหนึ่ง ก็ทราบที่อยู่ของครอบครัวนี้ มี น.ส.ศรีไพร โตขำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 ม.3 ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี อยู่เพียงลำพังกับลูก ๆ เพียง 3 ชีวิต ภายในบ้านหลังเล็ก ๆ คล้ายเพิงพัก มุงด้วยสังกะสีสภาพเก่า

น.ส.ศรีไพร กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพเก็บของเก่าขายเลี้ยงตัวมาหลายสิบปีแล้ว หลังแยกทางกับสามี ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโต อายุ 21 ปี คนที่ 2 น้องยอด หรือ ด.ช.สรวิชญ์ กัณหารี อายุ 13 ปี อยู่ชั้น ม.1 ร.ร.กบินทร์วิทยา ต่อมา ได้มีครอบครัวใหม่ มีลูกด้วยกันอีก 1 คน อายุ 8 ปี ชื่อ น้องเก่ง หรือ ด.ช.ทวีทรัพย์ เจริญคง เรียนอยู่ชั้น ป.2 ร.ร.วัดปากแพรก

สำหรับ น้องยอด ทราบว่า ตอนอายุประมาณ 8 ขวบ ขณะเล่นกับเพื่อน ๆ ได้ถูกเพื่อนผลักล้มหัวฟาดพื้นจนสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนมีอาการไม่เหมือนเด็กทั่วไป ส่งผลให้สมองคิดช้ากว่าเด็กปกติ เวลาจะพูดจะทำอะไรมักจะคอยถามแม่ทุกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรอย่างไร แม่ต้องบอกสอนให้ทำแบบนั้น แบบนี้ ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกรับรู้ในการทำอะไร ส่วนลูกคนเล็กปกติเหมือนเด็กทั่วไป

นางศรีไพร เล่าว่า ตนเองมีฐานะไม่ดีนัก ก่อนหน้านี้ทำงานโรงงานแต่มีครอบครัวแล้วไม่ได้ทำงาน ต้องออกมาเลี้ยงลูกโดยการเก็บของเก่าทั่วไป พอมีรายได้เลี้ยงตัวเองกับลูกไปวัน ๆ ซึ่งในช่วงวันธรรมดาจะคัดแยกของเก่าไว้รอเพื่อขาย ช่วงบ่าย ๆ หลังลูก ๆ เลิกเรียนจะพากันขี่มอเตอร์ไซค์ พร้อมรถไสออกไปเก็บของเก่าตามถนนรอบ ๆ ถึงสี่แยกสามทหารและตามถนน การพาลูกออกไปเก็บของเก่าแบบนี้พอได้ของเก่ามา จะเอามารวม ๆ กัน 2-3 วันก็จะเอาไปขายส่งร้านรับซื้อของเก่าได้เงินครั้งละ 500-800 บาท

“มีพวกแม่ค้าในตลาดสดเห็นตนและลูกชายเก็บของเก่าตามถังขยะสงสาร จึงให้กับข้าว แกงถุง ปลา และไก่หรือหมูปิ้ง ทุกวัน ซึ่งแม่ค้าพ่อค้าได้ฟังเรื่องราวของลูกชายตนเองแล้ว เขาสงสารหลังจากตามมาดูที่บ้านและให้การช่วยเหลือด้านอาหาร ตนรู้สึกอบอุ่นที่ยังมีคนเข้าใจ รักและสงสารลูก ๆ ตนเอง ตนเองลำบากไม่เป็นไร ไม่ท้อขอแต่ให้ลูกได้มีกินไปวัน ๆ ก็พอใจแล้ว

ทั้งนี้ จากการสอบถามพูดคุยกับ “น้องยอด” บอกว่า โตขึ้นอยากทำงานเก็บขยะแบบนี้ ซึ่งเมื่อถามว่า ทำไมถึงอยากเก็บขยะ น้องยอด ก็บอกว่า “เก็บขยะเป็นอาชีพที่สุจริต” เป็นคำตอบที่ฟังแล้วหลายคนถึงกับอึ้ง และด้วยแววตา กิริยาท่าทางของสามแม่ลูกที่ไม่ได้คิดฝันไปไกล ขอแค่มีงานทำเล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีรายได้เลี้ยงชีพเขาก็มีความสุขแล้ว

“ความขยันไม่มีวันอดตาย แม้ลูกชายจะไม่เหมือนเด็กทั่วไป แต่ก็พร้อมจะพัฒนาตัวทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกวันจะพาลูกไปเก็บของเก่าห่างจากบ้าน 10 กว่ากิโลเมตร ไป-กลับ เดือน ๆ หนึ่ง พอมีรายได้จากการเก็บของเก่าราว 4,000 บาท พอใช้ไปเดือน ๆ มีบ้างคนให้เสื้อผ้ามา ก็จะแบ่งให้คนที่มีฐานะพอ ๆ กับตนเองไปบ้างตามกำลัง” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประโยคของผู้เป็นแม่ที่ระบายออกมา

ด้านนางประมาณ แซ่เซียม แม่ค้าขายแกง กล่าวว่า มีแม่ค้าพ่อค้าด้วยกันมาเล่าให้ฟังว่า พบเห็นสามแม่ลูกออกหาเก็บของเก่าตามถังขยะรอบ ๆ บขส.บ้าง ตามถนนบ้าง ตนอดสงสารไม่ได้ จึงแอบมาดักดูก็พบสามแม่ลูกเก็บของเก่าจริง จึงคุยด้วยและขอตามไปดูบ้าน ซึ่ง น.ส.ศรีไพร ก็ไม่ขัดข้อง ซึ่งเมื่อได้ไปดู ไปเห็นมากับตา เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จึงบอกให้น้องยอดแวะมาเอากับข้าวที่แผงได้ทุกวัน และก็มีเพื่อน ๆ พ่อค้าแม่ค้าให้กับข้าวอีก 1-2 ราย ด้วยความสงสารและเห็นความมีมานะของเด็กสองคนนี้

“ต้องยอมรับความเป็นคนขยันและเป็นคนซื่อสัตย์ในสังคม ไม่เคยมือไวใจเร็วโลภมากอยากได้ของคนอื่น ของที่ทิ้งแล้วเท่านั้น เขาถึงจะเก็บเอาไปขายอันไหนอยู่หน้าบ้านคนจะถามก่อนว่าใช้หรือไม่ ทิ้งแล้วใช่ไหม เขาถึงจะเก็บเอาใส่รถเข็นกลับไป เพื่อคัดแยกไปขาย” นางประมาณกล่าว

—————————–
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"