X

ทัวร์ลงตำรวจสระแก้ว!! โซเชียลรุมจวกสนั่น TiKTok เฟซบุ๊ก เรียกตรวจรถขนส่งพัสดุถือวิสาสะแกะห่อพัสดุผู้อื่น

สระแก้ว – โซเชียลเข้าไปแสดงความคิดเห็นและรุมด่าสนั่น TiKTok และเฟซบุ๊ก กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เรียกตรวจรถขนส่งพัสดุ โดยถือวิสาสะแกะห่อพัสดุผู้อื่น ชี้หากเป็นของตนเองจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “บ.ไบร์ท พาเพลิน” นำคลิปวีดีโอขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เรียกตรวจสอบรถบรรทุกกระบะตู้ทึบขนส่งพัสดุ เมื่อช่วงเวลา 18.20 น.ของวันที่ 25 ม.ค.65 ที่บริเวณด่านตรวจบ้านน้ำซับ ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว โดยมี นายณัฐวุฒิ บุญสา ผู้ขับขี่รถยนต์หมายเลขทะเบียน ยง-5041 ชลบุรี เป็นผู้ถ่ายคลิป ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ได้นำมาโพสต์ทางเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ พร้อมกับแอป TiKTok จนมีชาวบ้านเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ถึงความไม่เหมาะสมกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะการนำพัสดุของผู้อื่นมาแกะเปิดดูโดยถือวิสาสะ หากเป็นของตนเองจะรู้สึกอย่างไร รวมทั้งพูดถึงวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งบอกว่าไม่เคยส่งของทางออนไลน์และไม่รู้จักถุงแบ๊คด้วย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบภาพคลิปดังกล่าว พบว่า หลังคนขับเปิดประตูหลังรถออก ซึ่งมีพัสดุถูกจัดเรียงใส่ถุงแยกมาเต็มคัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งได้เข้าไปดึงถุงพัสดุออกมา 1 ถุง แล้วพยายามจะเปิดออกดู ถามว่า เป็นยาบ้ารึเปล่า ระหว่างที่แกะไม่ได้ก็ย้อนกลับไปถามอีกว่า เป็นกัญชาหรือเปล่า ซึ่งคนขับก็ยืนยันว่า เป็นพัสดุที่มีการส่งตามระบบ ตำรวจก็พยายามไปหากรรไกร เพื่อนำมาตัดสายรัดเพื่อเปิดออกดูให้ได้ ก่อนจะมีการแกะหอพัสดุของบุคคลอื่นดูสินค้าภายใน เป็นกางเกงบ๊อกเซอร์และเสื้อ ซึ่งก็ไม่พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีชาวบ้านที่ได้รับชมคลิปเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก พร้อมตำหนิการกระทำของตำรวจว่า ไม่เหมาะสม ซึ่งพนักงานก็ยินยอมให้ดำเนินการเนื่องจากไม่ต้องการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นมองว่า การนำพัสดุของผู้อื่นไปแกะออกดูถือว่าไม่ถูกต้อง มองว่าตำรวจผิดแน่ ๆ สาระแนมาก มันคือพัสดุ คนขับวิ่งทำเวลาเพื่อนำพัสดุไปส่งให้ถึงจุดหมายตามเวลา ทำให้เสียเวลาเขาได้

ภายหลังมีการนำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ ล่าสุด พ.ต.อ.เอกอนันต์ หูแก้ว ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สภ.เมืองสระแก้ว ชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กของ สภ.เมืองสระแก้ว ระบุว่า ตามที่มีคลิปวีดีโอถูกเผยแพร่ในโลกโซเชี่ยล โดย บ.ไบร์ท พาเพลิน ได้ลงบันทึกภาพวีดีโอ ในติ๊กต๊อก ให้ประชาชาชนทั่วไปได้รับรู้ตามภาพที่ปรากฏนั้น ทาง สภ.เมืองสระแก้ว ขอชี้แจงให้ทราบว่า การตรวจค้นดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย โดยในการตรวจค้นที่ปรากฏตามคลิป เกิดจากความยินยอมของเจ้าของรถ และเจ้าของบริษัทฯ ที่นำส่งสินค้าเอง แต่เนื่องจากเจ้าของรถ/บริษัทฯ ไม่ได้อยู่ในขณะตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยินยอมให้ผู้ขับขี่บันทึกวีดีโอ

นอกจากนั้น ทาง สภ.เมืองสระแก้ว ยังชี้แจงด้วยว่า จากคลิปภาพขณะตรวจค้นที่ผู้ขับขี่บันทึกไว้ เพื่อส่งให้เจ้าของรถ/บริษัทฯ ได้เห็นภาพการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ภายหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไปยังผู้อื่นที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และไม่ทราบข้อเท็จจริงขณะเกิดเหตุ และยังถูกเผยแพร่และแชร์ในโลกโซเชียล ทำให้หลายท่านที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงเกิดความเข้าใจผิด ทางตำรวจจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว ให้กับพี่น้องประชาชนเพื่อทราบต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดมา

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กซึ่งเป็นนักกฎหมายรายได้ ได้ให้ข้อมูลกับกรณีดังกล่าวและฝากถึงตำรวจหรือเจ้าหน้าที่คนนั้นที่เคารพ ส่วนตำรวจหรือเจ้าหน้าที่นิสัยดี ๆ เราก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย กรณีนี้ ประเด็นที่ 1 ตำรวจจะเรียกคนขับรถให้หยุดรถตามอำเภอใจไม่ได้ ตำรวจจะเรียกให้หยุดรถได้ก็ต่อเมื่อ พรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 142 เจ้าพนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจสั่งให้ผู้ขับขี่หยุดรถในเมื่อ (1) รถนั้นมีสภาพไม่ถูกต้องตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 (2) เห็นว่าผู้ขับขี่หรือบุคคลใดในรถนั้นได้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้นๆ ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่า ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนมาตรา 43(1) หรือ (2) ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งให้มีการทดสอบผู้ขับขี่ดังกล่าวว่า หย่อนความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นหรือไม่ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ทดสอบ ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจกักตัวผู้นั้นไว้ ดำเนินการทดสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การทดสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็ว และเมื่อผู้นั้นยอมให้ทดสอบแล้ว เหตุผลการทดสอบปรากฏว่าไม่ได้ฝ่าฝืนมาตรา 43 (1) หรือ (2) ก็ให้ปล่อยตัวไปทันที การทดสอบตามมาตรานี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา 142 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2535 ส่วนความในวรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2542

ส่วน ประเด็นที่ 2 ตรวจค้นโดยไม่มีเหตุอันควรสงสัย “รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 28 ” ก็ชัดเจนว่า “การค้นตัวบุคคลหรือการกระทำใดอันกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือเสรีภาพในชีวิตหรือร่างกาย จะกระทำมิได้ เว้นแต่มีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติ ” ป.วิอาญา ที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่อ้างมานั้น ก็ไม่อาจหักล้าง หรือไม่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญได้ การตรวจค้นตัวผู้หญิง ต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่สตรีเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว ตำรวจไม่ว่าชั้นยศใด ในหรือนอกเครื่องแบบ ไม่มีอำนาจเรียกให้บุคคลหยุดรถขอตรวจค้นโดยไม่มีเหตุอันควรสงสัย ทุกคนที่ถูกขอตรวจค้น ให้บันทึกภาพและเสียงไว้ พร้อมถามว่า “มีเหตุอันควรสงสัย” หรือไม่ ? อย่างไร ? ถ้าไม่ชี้แจง เป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ไปดู “คำพิพากษาศาลฎีกา เลขที่ 8722/2555 จำเลยไม่มีท่าทางเป็นพิรุธ การที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่า เกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้น โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยตาม ป.วิอาญา มาตรา 93 ที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้ เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ”

อย่างไรก็ตาม ผู้แสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าว ยังระบุอีกว่า ฝากถึงตำรวจหรือเจ้าหน้าที่คนนั้นที่เคารพ เรื่อง : ข้อหาไม่มีอำนาจ แต่แอบอ้างว่ามีอำนาจ ไปดู “กฎหมายอาญา มาตรา 145 ” วรรคสอง ก็ชัดเจนว่า “เจ้าพนักงานผู้ใดได้รับคำสั่งมิให้ปฏิบัติการตามตำแหน่งหน้าที่ต่อไปแล้ว ยังฝ่าฝืนกระทำการใด ๆ ในตำแหน่งหน้าที่นั้น ต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้ในวรรคแรกดุจกัน ” “ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 171 เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือ ปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ”ฃ

—————————-
คลิปภาพจาก/เฟซบุ๊ก บ.ไบร์ท พาเพลิน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"