X

ชาวบ้านแตกตื่นโขลงช้างป่าลงเล่นน้ำ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหว้าเอน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี แตกตื่นโขลงช้างป่าขณะลงเล่นน้ำ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านหว้าเอน ม.8 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เมื่อค่อนสว่างว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พบโขลงช้างป่าอ่างฤาไน ราว 30-40 ตัว เดินลัดเลาะหมู่บ้านและกัดกินข้าวโพด และมันสำปะหลังได้รับความเสียหายเป็นหย่อม ๆ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบโขลงช้างป่า พบรอยเท้าช้างเป็นจำนวนมาก เดินลุยยูคาลิปตัสเหยียบย่ำสวนแตงโมของชาวบ้านเสียหายและยังพบรอยช้างโขลงดังกล่าว ได้พากันเดินข้ามถนนลาดยางมาอีกฝั่ง เพื่อพังป้ายของทางกลางถนนล้ม 3 ต้น และพากันเดินลงไปถอนต้นมันสำปะหลังของชาวบ้านกินเป็นทางยาว

ทั้งนี้ นายปรีชา แดงกูล เจ้าของสวนแตงโม กล่าวว่า ออกมาสวนพบรอยช้างอยู่ในสวนแตงโม ช้างพากันเดินเหยียบย่ำและรื้นพลาสติกคลุมดินออกทิ้งและเดินผ่านมา ได้รับความเสียหายเล็กน้อย คาดว่า โขลงช้างน่าจะเดินมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แม้ไม่เห็นตัวช้าง แต่พบรอยเท้าช้างขนาดใหญ่เต็มไปหมด ยอมรับว่า กลัวมาก เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านออกไปหาเก็บข้าวโพดที่สวนได้ยินเสียงช้างร้องในป่ายูคาลิปตัส จึงเดินไปดูและรีบกลับบ้านทันที

นายศักดิ์ ดวงโดด อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220 ม.8 กล่าวว่า ตนกับภรรยาออกมาหาเก็บข้าวโพดที่สวน ได้ยินเสียงช้างร้อง จึงได้ย่องไปดูพบว่า เห็นช้างกำลังเล่นน้ำกันอยู่อย่างเพลิดเพลินมากกว่า 30-40 ตัว ขณะนี้โขลงช้างป่าดังกล่าว ได้ข้ามถนนสาย 359 ไปแล้ว อยู่ในป่าสัก คาดว่า จะอยู่ในป่าสักจนกว่าจะเย็น และจะเดินกลับเข้าป่าตามเดิม ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามช้างโขลงนี้แล้ว พร้อมรับปากชาวบ้านว่า จะเร่งต้อนช้างกลับเข้าสู่ป่าโดยเร็วต่อไป

————————–
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"