X

ป่วยเข้า รพ.กลางดึก หมอบอก รพ.นะไม่ใช่เซเว่นฯ ไล่กลับบ้าน ล่าสุด รพ.อรัญประเทศชี้แจงยอมรับผิดสื่อสารผิดพลาด

สระแก้ว – ผู้ป่วยหญิงปวดหัวหนักเข้าเข้า รพ.กลางดึก เจอแพทย์บอก “รพ.นะไม่ใช่เซเว่นฯ” และไล่กลับให้มาใหม่พรุ่งนี้ นั้น ล่าสุด โรงพยาบาลอรัญประเทศ ยอมรับความผิดพลาดการสื่อสารของแพทย์เวรกับคนไข้ พร้อมนำไปปรับปรุงพฤติกรรมบริการ

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีหญิงสาวเกิดอาการปวดหัวอย่างหนักไปที่โรงพยาบาลกลางดึก แต่เจอไล่กลับ ให้มาใหม่พรุ่งนี้ โดยแพทย์บอกว่า รพ.นะไม่ใช่เซเว่นฯ นั้น กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 18 ต.ค.61 ที่ผ่านมา น.ส.เยาวลักษณ์ นาศทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 3 ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระบุว่า ตนเองมีอาการปวดศีรษะมาก จึงไปซื้อยาจากร้านขายยามากิน แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงเดินทางไปโรงพยาบาลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่พอตนเองถูกส่งเข้าไปพบแพทย์ในห้องฉุกเฉิน ปรากฏว่า กลับถูกแพทย์เวรซึ่งเป็นผู้ชายไล่และต่อว่า ว่านี่มันโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่เซเว่นฯ นึกจะมาเวลาไหนก็ได้ ให้มาใหม่ในวันพรุ่งนี้

น.ส.เยาวลักษณ์ ระบุด้วยว่า ด้วยที่ตนเองมีอาการปวดหัวมาก เมื่อมาเจอหมอไล่อีก จึงไม่รู้จะไปทางไหน ปวดหัวก็ปวด เสียความรู้สึกมาก ซึ่งหลังจากถูกไล่ก็มีพยาบาลได้ออกมาพูดคุยสอบถาม น.ส.เยาวลักษณ์ เนื่องจากเห็นว่า มีอาการหนัก และจะให้เข้าไปตรวจและขอคุยกับแพทย์แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการตรวจแต่อย่างใดนั้น

ล่าสุด ภายหลังผู้บริหารโรงพยาบาลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทราบเรื่องตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อเวลา 21.00 น. โดยช่วงเช้าวันนี้ (19 ตค.61) ทีมงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลคลองน้ำใส ได้ลงไปที่บ้านของผู้ป่วยคนดังกล่าว เพื่อดูแลสภาพจิตใจ อาการของโรค และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อทำความเข้าใจเบื้องต้น ทราบว่าป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา

ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา นายอำเภออรัญประเทศ พร้อมด้วย นายแพทย์สรวิศ ชลาลัย รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลอรัญประเทศ นายอดุลย์ หาญชิงชัย สาธารณสุขอำเภออรัญประเทศ และคณะได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง

นายแพทย์สรวิศ ชลาลัย รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลอรัญประเทศ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงพยาบาลยอมรับว่า ได้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง โดยเมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค. เวลาประมาณ 21.00 น.ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลมีคนไข้วิกฤติฉุกเฉินมารับบริการหลายราย เช่น คนไข้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 2 ราย ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ,คนไข้โรคหัวใจขาดเลือด 1 ราย , คนไข้ป่วยกระดูกต้นคอทับเส้นประสาท จนเป็นอัมพาตทั้งตัว 1 ราย คนไข้มีแผลเปิด 2 ราย และคนไข้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เร่งด่วนแต่ไม่วิกฤติ 4-5 ราย

นายแพทย์ สรวิศ กล่าวอีกว่า ขณะเกิดเหตุมีแพทย์เวรปฏิบัติงาน 2 คน ซึ่งกำลังวุ่นกับการให้การรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินอยู่ ในขณะที่มีผู้ป่วยหญิงรายที่เป็นข่าว เข้ามารักษาด้วยอาการปวดศรีษะ ไอมา 2-3 วัน ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และจากการสอบถามทีหลังพบว่า ก่อนหน้านี้แพทย์เวรมีอาการป่วยอยู่ ประกอบกับกำลังเครียดกับผู้ป่วยฉุกเฉินที่มารับบริการพร้อมกันจำนวนมาก เลยทำให้ปฏิบัติงานไม่เต็มประสิทธิภาพและเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ทั้งนี้ โรงพยาบาลอรัญประเทศ ขอยอมรับในข้อผิดพลาดของการสื่อสารของแพทย์กับคนไข้ที่เกิดขึ้น พร้อมน้อมรับไปปรับปรุงระบบและพฤติกรรมบริการทั้งระบบ ในเบื้องต้นผู้บริหารโรงพยาบาลได้ว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจาในเรื่องการสื่อสารกับผู้ป่วยที่มารับบริการแล้ว ซึ่งแพทย์คนดังกล่าวก็ยอมรับและยินดีที่นำไปปรับปรุงด้วยความเต็มใจ

ทางด้าน แพทย์หญิงอรรัตน์ จันทร์เพ็ญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ทุกวันนี้จำนวนบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลทุกแห่งให้บริการเกินกำลังเนื่องจากขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก ประกอบกับการขยายตัวของจังหวัดสระแก้ว และจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้น ทำให้เกิดความแออัดในโรงพยาบาล ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขพยายามวางระบบ เพื่อแก้ปัญหาในภาพรวม โดยมีนโยบายขับเคลื่อนโครงการหมอครอบครัว เพื่อให้ช่วยดูแลผู้ป่วยในชุมชนในลักษณะใกล้บ้าน ใกล้ใจ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่ดีและลดความแออัดของโรงพยาบาลใหญ่ในอนาคตด้วย

—————————

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"