ผวาปลาตายในคลองสาธารณะ จ.ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี – ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผวาปลาตายในคลองสาธารณะ จ.ปราจีนบุรี

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านศิลาขาว ม.4 บ้านเขาไม้แก้ว บ้านคลองเจ้าแรง ม.2 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบปลาลอยตายในคลองสระน้ำไม่ทราบสาเหตุ วิพากษ์วิจารณ์กันต่าง ๆ นา ๆ ถึงสาเหตุการตายของปลาในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก รุ่งขึ้นมีคนพบปลาลอยคอตายในสระน้ำข้างคลองสาธารณะประโยชน์บ้านศิลาขาว ม.4 ต.เขาไม้แก้ว และ ม.2 จึงบอกผู้ใหญ่บ้านให้ทราบในเบื้องต้น เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและลงพื้นที่ตรวจสอบปลาตายเกิดจากสาเหตุใดกันแน่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านศิลาขาวที่พบว่า มีปลาตาย พบบริเวณในสระน้ำข้างคลองสาธารณะมีปลาตายอยู่จำนวนหนึ่ง เป็นปลาสร้อยตัวขนาด 2 นิ้ว ได้ลอยตายอยู่ในน้ำจริง และพบว่า น้ำมีกลิ่นเหม็นเน่าฉุนเหมือนกลิ่นสารเคมีบางอย่างปนอยู่

ผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยัง นายไพบูลย์ สมโภชน์ ผู้ใหญ่บ้าน นายวิรัช คำพิบูล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และ นายไพรัช สาคร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และนายชาตรี จันทร์ทรัพย์ สารวัตรกำนัน ต.เขาไม้แก้ว ลงพื้นที่ตรวจสอบปลาตายที่สระน้ำข้างคลองสาธารณะ 2 จุด คือในสระน้ำบ้านศิลาขาว ม.4 และบ้านคลองเจ้าแรง ม.2

นายวิรัช คำพิบูล กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวจากชาวบ้านว่า พบปลาตายในสระน้ำจำนวนหนึ่งค่อนข้างเยอะจึงลงพื้นที่ตรวจสอบในเบื้องต้น จากนั้นได้รายงานให้นายวัลลภ ประวัติวงศ์ นายอำเภอกบินทร์บุรีทราบ ในวันเดียวกันนายอำเภอได้สั่งการให้ปลัดอำเภอร่วมประมงอำเภอ อบต.และส่วนที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบปลาตายทันที

ผญ.วิรัช กล่าวว่า ประมงจังหวัดกล่าวว่าสาเหตุการตายของปลาที่พบคาดว่า ปลาตายเกิดจากมีสารเคมีปนเปื้อนในน้ำซึ่งอาจจะเกิดจากการชะล้างมาจากไร่-สวนของเกษตรกรที่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช แต่ได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจแล้วต้องรอการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

นายไพบูลย์ สมโภชน์ กล่าวว่าปลาตายในครั้งนี้น่าจะมีสารเคมีปนเปื้อนของเกษตรกรชาวไร่ชาวสวนหรืออาจจะมีสารเคมีอื่นแอบแฝงอยู่ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า เป็นสารเคมีชนิดใด เท่าที่ดูได้จากตาเปล่าน้ำมีสีดำและคราบสีขาวเกาะอยู่กับพื้น ไม่แน่ใจเป็นสารเคมีชนิดใด ต้องรอผลการตรวจจากการเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนในพื้นที่ยังคงตื่นกลัวจากการพบปลาตายในครั้งนี้มาก เพราะน้ำในคลองนี้นำไปใช้เป็นน้ำประปาหมู่บ้านและใช้อุปโภคในครัวเรือนด้วยเช่นกัน

————————
ข่าว-ภาพโดย/ทองสุข สิงห์พิมพ์, ลักขณา สีนายกอง