X

กำนัน-ผญบ.รวมตัวเข้าพบนายอำเภอร้องเรียนปลัด อบต.ไม่โปร่งใส

สระแก้ว – กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เกือบ 30 คน รวมตัวเข้าร้องเรียนปลัด อบต.ปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ต่อนายอำเภอวังน้ำเย็นขอให้สอบสวนและสั่งย้ายกรณีทำความผิดถึง 8 กรณี โดยพบการนำบัตรประชาชนของกำนันและผู้ใหญ่บ้านทั้งตำบล ไปรับเงินโครงการฯ จนทำให้กำนัน กลุ่มผู้ใหญ่บ้าน รับไม่ได้

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24 มิ.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เกือบ 30 คน ได้รวมตัวเดินทางมาที่ว่าการอำเภอวังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เพื่อขอเข้าพูดคุยร้องเรียนต่อ นายอาระยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอวังน้ำเย็น ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังใน โดยมีนายอำนาจ พิพิธกุล กำนันตำบลตาหลังใน เป็นแกนนำ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ จะมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่เดินทางมาร่วมร้องเรียนด้วยกว่า 100 คน แต่ทางอำเภอได้ร้องขอให้มาเฉพาะตัวแทนเท่านั้น ส่วนการร้องเรียนดังกล่าว ทางกำนันและผู้ใหญ่บ้านระบุถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวว่า ประพฤติไม่โปร่งใส ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยระบุว่า บุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์แห่งการกระทำรวมถึงเวลาและสถานที่เกิดเหตุในพื้นที่ถึง 8 กรณี เพื่อให้นายอำเภอรับทราบข้อมูลและพิจารณาดำเนินการด้วย

นายอำนาจ พิพิธกุล กำนันตำบลตาหลังใน แกนนำ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีความผิดที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยื่นร้องเรียนปลัด อบต.ดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การยื่นเอกสารเท็จเพื่อเบิกเงินค่าเช่าซื้อ จาก อบต.ตาหลังใน ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.52-ก.ย.61 และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสระแก้ว ให้ตรวจสอบในรอบบัญชีปี 2552-ปีปัจจุบัน แจ้งให้ตรวจสอบ และนำส่งเงินคืน เป็นจำนวนเงินกว่า 180,000 บาท โดยสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้สอบข้อเท็จจริงและเรียกเงินคืน แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดังกล่าวและเป็นผู้บังคับบัญชางานนิติกร งานกฎหมายและคดี จึงไม่ดำเนินการใด ๆ ทำให้ อบต.ตาหลังใน ได้รับความเสียหาย ,กรณีที่ 2. เมื่อปี 2553 ได้จัดซื้อเตาเผาขยะไร้มลพิษ งบประมาณในการจัดซื้อ 900,000 บาท โดยเอามาตั้งไว้ในบริเวณที่ทำการ อบต.ตาหลังใน ซึ่งการจัดซื้อไม่มีในแผนการดำเนินงาน ไม่มีการจัดทำความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสูญเสียงบประมาณของรัฐโดยเปล่าประโยชน์

กรณีที่ 3. เมื่อเดือน ม.ค.57 เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ถูกขับไล่โดยประชาชนในพื้นที่ จึงได้ไปช่วยราชการ ณ ที่ทำการอำเภอวังน้ำเย็น ซึ่งได้มีบันทึกข้อความแจ้งให้คืนเงินประจำตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ปัจจุบันไม่มีการคืนเงินแต่อย่างใด ,4. การจัดซื้อวัสดุวัคซีนและวัสดุเพื่อทำหมันสุนัขและแมว ระหว่างปี 2559-2561 โดยใช้เอกสารเท็จเพื่อแสดงจำนวนสุนัขและแมว เพื่อให้มีจำนวนงบประมาณที่สูงขึ้น ,5. เมื่อปี 2561 จัดทำโครงการจัดซื้อเกลือไอโอดีน โดยใช้ข้อมูลจำนวนครัวเรือนในการจัดซื้อ โดยไม่มีลายชื่อผู้รับเกลือ ,6. ร่วมมือกับ รพ.สต.ตาหลังใน ในการจัดทำโครงการตรวจสุขภาพประจำปีให้กับประชาชน จำนวน 650 คน ระยะเวลา 2 วัน ซึ่งได้เบิกจ่ายค่าตรวจรายหัว ๆ ละ 100 บาทและปลอมแปลงลายมือชื่อผู้เข้ารับการตรวจ อีกทั้งเบิกจ่ายค่าอาหารสำหรับผู้เข้ารับการตรวจด้วย

นายอำนาจ เปิดเผยอีกว่า กรณีที่ 7. ตนเองและผู้ใหญ่บ้านทั้งตำบล ได้ถูกนำบัตรประจำตัวประชาชนไปรับเงินรางวัลในงานกีฬาประจำปี 2560 แต่ไม่ได้รับรางวัลหรือเข้าร่วมกิจกรรม จึงได้ทำหนังสือขอข้อมูลการเบิกจ่ายเงิน แต่ อบต.ตาหลังใน ได้จัดทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงาน ปปช.และ สตง. ว่าตนเองได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงานดังกล่าวให้มีตำแหน่งตรวจสอบงบประมาณดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งการขอตรวจดูเอกสารดังกล่าวนั้น ตนเป็นผู้เสียหาย จากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโครงการ ปัจจุบันไม่มีการดำเนินการใด ๆ ซึ่งการขอเอกสารดังกล่าวนั้น ตนได้ดำเนินการตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ซึ่งข้อมูลดังกล่าว อบต.ตาหลังใน ไม่ได้จัดทำข้อมูลโครงการกีฬาประจำปี 2560 เป็นข้อมูลลับของหน่วยงานและตนสามารถขอตรวจดูได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อร้องเรียนกรณีที่ 8. นั้น เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อบต.ตาหลังใน ได้จัดซื้อวัสดุเพื่อใช้ในโครงการดังกล่าว เป็นยอดเงินที่สูงกว่าท้องตลาดเป็นอย่างมาก โดยขอให้ตรวจสอบคู่สัญญา ว่าเป็นราคาขายตามท้องตลาดหรือไม่ หากเป็นการจัดซื้อที่ราคาสูงกว่าตามท้องตลาด ทำให้หน่วยงานเสียหาย และผู้ใดเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ ทั้งนี้ ปัจจุบันสามีผู้ถูกร้องเรียนดังกล่าว ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างตัวว่า เป็นผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ร่วมบริหารกับรองปลัด อบต.ตาหลังใน สั่งการพนักงานส่วนตำบลให้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของตนเอง แต่การบริหารราชการนั้น ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมหรือแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด และไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้จริง จึงร้องเรียนมาให้นายอำเภอโปรดทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทางด้าน นายอาระยันต์ ท่าใหญ่ นายอำเภอวังน้ำเย็น กล่าวว่า ยกตัวอย่างกรณีที่ตนเป็นนายอำเภอ หากไปกดขี่ข่มเหงประชาชน มีการร้องเรียนและเป็นความจริง ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบและย้ายตนทันที ถ้ามีความผิดทางอาญาด้วยก็โดนตั้งกรรมการสอบดำเนินนคดีอาญาด้วยในคราวเดียวกัน รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเหมือนกัน มีอำนาจหน้าที่ การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีโอกาสที่จะผิดกฎหมาย มาตรา 157 ด้วย

——————————–

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"