X

เตรียมรับตัว”เสี่ยอ้วน”มาด่านคลองลึก รอขั้นตอนกัมพูชา

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่เตรียมรับตัว”เสี่ยอ้วน”มาด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ รอเพียงขั้นตอนทางกัมพูชาเซ็นต์อนุมัติเท่านั้น หลังฝ่ายทางการกัมพูชามีขั้นตอนเนื่องจากอยู่ระหว่างการเลือกตั้งเสร็จ ส่วน 2 ผู้ต้องหาชาวกัมพูชาคดีฆ่านั้น ถูกผลักดันกลับขั้นตอนปกติแล้ว ด้าน ตม.สระแก้วยังเข้มงวดการเข้าออกด่านเช่นเดิม

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการส่งมอบตัว”เสี่ยอ้วน”หรือ นายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหาฆ่า นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ”น้องฟอส” อายุ 21 ปี และ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ”น้องสปาย” อายุ 20 ปี ที่บริเวณด้านหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.61 หลังถูกทางการกัมพูชาจับตัวได้ระหว่างกำลังหลบหนีข้ามแดนไปประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น โดยวันนี้(20 ส.ค.)ที่ สภ.คลองลึก ไม่มีรายชื่อ 2 ผู้ต้องหาชาวกัมพูชา อดีตนักศึกษาแพทย์ที่ถูกจับกุมและส่งมาควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถูกผลักดันกลับประเทศตามขั้นตอนปกติแล้ว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ส.ค.61 หลังสอบสวนพบเข้าประเทศผ่านช่องทาง จ.สระแก้ว จึงต้องผลักดันออกเส้นทางนี้ ในวันเดียวกับที่ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางบาง ผบช.ภาค 2 บินด่วนมาตรวจเยี่ยมและแถลงข่าวการส่งตัวเสี่ยอ้วนกลับประเทศ ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันที่ 21 ส.ค.นี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่าเจ้าหน้าที่ยังคงตรวจเข้มบุคคลและรถยนต์เข้า-ออกอย่างละเอียดเช่นเดิม โดยมีชาวไทยและกัมพูชาเดินทางข้ามแดนค่อนข้างหนาตา และเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ โดยเฉพาะบุคคลตามหมายจับ เฝ้าดู บุคคลต้องห้าม ให้รถเปิดประตูและกระโปรงท้ายรถเกือบทุกคันด้วย

ทั้งนี้ บรรยากาศในประเทศกัมพูชาฝั่งตรงข้าม อ.อรัญประเทศ มีรายงานว่า ชาวไทยที่เดินทางข้ามไปฝั่งปอยเปต ส่วนใหญ่จะอยู่กันบริเวณโรงแรมและคาสิโนฝั่งเมืองปอยเปต ซึ่งบริเวณที่ทำการ ตม.กัมพูชา ยังไม่ได้มีการเตรียมการหรือปิดกั้นเส้นทางใด ๆ ในการรับตัว”เสี่ยอ้วน” โดยหากกำหนดการส่งตัวเป็นไปตามที่ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค 2 แถลงข่าวล่าสุด ตัวเสี่ยอ้วนจะถูกนำตัวจากกรุงพนมเปญ หลังผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ของทางการกัมพูชา เดินทางมายัง ตม.กัมพูชาฝั่งปอยเปต ประมาณ 7 ชั่วโมง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองของกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ไทยจะเข้าไปรับตัวด้วยรถตู้ ขับผ่านสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา มุ่งหน้าสู่สนาม ฮ.ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 บินตรงเข้ากรุงเทพฯทันที

แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่า ขั้นตอนการส่งตัว”เสี่ยอ้วน”นั้น ล่าสุดยังอยู่ในขั้นตอนของทางการกัมพูชา ซึ่ง ณ เวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ยังรอให้รัฐมนตรีช่วยว่ากระกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาเซ็นต์คำสั่งอนุมัติอยู่ โดยมี พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเจรจาที่กรุงพนมเปญ เป็นรอบที่ 3 ในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่า การส่งตัวอาจมีโอกาสเลื่อนออกไปได้ เนื่องจาก พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวัสดิ์ ผกก.ตม.สระแก้ว เดินทางกลับมาไทยแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ เดินทางไปร่วมรับเสด็จที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว

“เนื่องจาก”เสี่ยอ้วน”หนีเข้าไปโดยไม่มีพาสปอร์ต จึงต้องรอให้ รัฐมนตรีมหาดไทยอนุมัติปล่อยตัว เพื่อผลักดันออกนอกประเทศตามขั้นตอน อีกทั้งช่วงนี้ประเทศกัมพูชาเพิ่งเสร็จสิ้นการเลือกตั้งใหม่ ๆ จึงทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ล่าช้าออกไปได้ เพราะการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีกัมพูชายังไม่เรียบร้อย ดังนั้น เราจึงไม่ทราบว่า รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยจะเซ็นต์เมื่อไหร่ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอ ซึ่งหาก รมช.มหาดไทยเซ็นต์แล้ว จะส่งให้ผู้บัญชาการ ตม.กัมพูชา เซ็นต์อนุมัติอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ไทยจึงจะสามารถรับตัวจากกรุงพนมเปญกลับมาได้ จึงยังไม่แน่ชัดว่า วันอังคารจะได้ตัวหรือไม่” แหล่งข่าวระดับสูง ระบุ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หากขั้นตอนกระบวนการของทางการกัมพูชาเสร็จสิ้น ก็สามารถนำตัว”เสี่ยอ้วน” ออกจากกรุงพนมเปญมายังด่านคลองลึกได้เลย ซึ่งระยะทางจากกรุงพนมเปญถึงด่านคลองลึกห่างกัน 500-600 กม. ใช้เวลาเดินทางอีก 7 ชั่วโมง ก็จะถึงชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนั้น จึงคาดการณ์ไม่ได้ว่า เสี่ยอ้วนจะถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยเมื่อใด

————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"