X

บินด่วน !! เตรียมรับ”เสี่ยอ้วน”ตม.เข้มงวดบุคคล-รถยนต์เข้า-ออก

สระแก้ว – ผบช.ภาค 2 บินด่วน เตรียมส่งมอบตัว”เสี่ยอ้วน” แลก 2 ชาวเขมรหนีคดีวันจันทร์หรืออังคารนี้ ด้าน ตม.สระแก้วเข้มงวดการปฏิบัติงานตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการส่งมอบตัว”เสี่ยอ้วน”หรือ นายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหารายสำคัญคดีฆ่าโหด นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ”น้องฟอส” อายุ 21 ปี และ น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ”น้องสปาย” อายุ 20 ปี ที่บริเวณด้านหน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกทางการกัมพูชาจับตัวได้ระหว่างกำลังหลบหนีข้ามแดนไปประเทศเวียดนาม โดยบรรยากาศที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจเข้มบุคคลและรถยนต์เข้า-ออกอย่างละเอียด มีชาวไทยและกัมพูชาเดินทางข้ามแดนค่อนข้างหนาตา เนื่องจากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มีรายงานว่า ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกัมพูชายังสอบสวนเสี่ยอ้วนไม่แล้วเสร็จ โดยยังควบคุมตัวอยู่ในกรุงพนมเปญ ทำให้การส่งตัวต้องเลื่อนออกไป อีกอย่างน้อย 1-2 วัน ช่วงวันเปิดทำการของสัปดาห์ที่จะถึงนี้

แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่ง ระบุว่า ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ น่าจะยังไม่มีการส่งตัวเสี่ยอ้วนให้กับทางการไทย เพราะการสอบสวนของเจ้าหน้าที่กัมพูชาและขั้นตอนของทางการกัมพูชายังไม่แล้วเสร็จ ประกอบกับสถานที่ราชการของกัมพูชาจะปิดทำการในวันหยุด จึงน่าจะมีความชัดเจนในวันจันทร์ที่ 20 หรือ อังคารที่ 21 ส.ค.นี้ ทั้งนี้ ขั้นตอนการปฏิบัติอาจเป็นเพียงการดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมือง แล้วผลักดันกลับด้วยวิธีการแลกตัวกับ 2 ผู้ต้องหาชาวกัมพูชา นายบุน พนล็อก อายุ 23 ปี อดีตนักศึกษาแพทย์คดีฆ่าแฟนสาวที่ตำรวจกัมพูชาต้องการตัว ซึ่งถูกจับกุมที่ จ.จันทบุรี และนำตัวมาควบคุมไว้ที่ สภ.คลองลึก ข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพื่อเข้าสู่กระบวนการแลกตัวกับเสี่ยอ้วน ตามข้อตกลงระหว่างประเทศในการผลักดันผู้หลบหนีเข้าเมืองกลับประเทศต้นทาง

ทั้งนี้ ช่วงเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 บินด่วน ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเรียกประชุมด่วนเตรียมรับตัวเสี่ยอ้วน และตรวจพื้นที่ชายแดนพร้อมทั้งตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีออกนอกประเทศของเสี่ยอ้วน ภายหลังเสี่ยอ้วนให้การกับเจ้าหน้าที่ถึงเส้นทางในการหลบหนีออกนอกประเทศว่า หลบหนีออกทางด้าน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้นำพาเสี่ยอ้วน 2-3 คน ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ โดยอาจจะมีการลงพื้นที่ไปดูเส้นทางออกซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ด้วย

พ.ต.ต.จิรเดช พุฒินาทพัฒน์ สว.ตม.จว.สระแก้ว ได้เรียกประชุมกำชับการปฏิบัติหน้าที่แก่ข้าราชการตำรวจงานตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกประเทศ โดยมีการกำชับการปฏิบัติหน้าที่ให้เข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบุคคลตามหมายจับ เฝ้าดู บุคคลต้องห้าม และกลุ่มประเทศเป้าหมายด้านความมั่นคง พร้อมทั้งมีการบริการด้วยวาจาสุภาพต่อผู้ที่มาติดต่อราชการและผู้ที่เดินทางเข้า-ออกประเทศ

พ.ต.ต.จิรเดช กล่าวด้วยว่า หากกรณีมีคนเดินทางหนาแน่นให้ร้อยเวรบริหารจัดการให้เรียบร้อย หากมีปัญหาข้อขัดข้องให้แจ้ง สว.เวร ทราบ ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีเหตุการณ์สำคัญให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาและรายงานส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันที

ทางด้าน พ.ต.อ.ภิรมย์ จันทราภิรมย์ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว สั่งการให้ พ.ต.ต.อภิชาติ เกื้อสุข สวป.สภ.เมืองสระแก้ว และ พ.ต.ท.ทศพร สอนบุตร สว.จร.สภ.เมืองสระแก้ว พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจงานปราบปราม ,งานจราจร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองจังหวัด, อำเภอเมืองสระแก้ว สถานพินิจฯ รวม 50 นาย ร่วมกันปล่อยแถวเพื่อป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทางสาธารณะ และตรวจร้านค้าที่ล่อแหลมสุ่มเสี่ยง การก่ออาชญากรรม ตั้งแต่เวลา 21.00 น.วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผลการปฏิบัติในการนำรถจักรยานยนต์ รวม 30 คัน เข้าตรวจสอบร้านค้าที่สุ่มเสี่ยง จำนวน 3 ร้าน เหตุการณ์ปกติ และสามารถตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อตรวจสอบ จำนวน 6 คัน นำส่ง ร้อยเวร สภ.เมืองสระแก้ว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

—————————-

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ธนภัท กิจจาโกศล

ธนภัท กิจจาโกศล

"ธนภัท กิจจาโกศล" ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สระแก้ว "ประสบการณ์ยาวนานกับงานสื่อสารมวลชนระดับประเทศ ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จับงานด้านข่าว สกู๊ปและรายงานพิเศษ กว่า 22 ปี มุ่งสื่อสารความจริงและข่าวสารที่เป็นธรรม สู่ประชาชนในภูมิภาค ด้วยจรรยาบรรณของฐานันดรที่ 4 เพื่อสร้างความโปร่งใสการรับรู้ข่าวสารของสังคม"