นครพนม – วันที่ 17 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำโขงในพื้นที่จังหวัดนครพนม ยังคงลดลงอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยวันละเกือบ 1 เมตร ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 5.50 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติ 6.50 เมตร (จุดวิกฤต 13 เมตร) ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก ที่เคยได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก น้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร เช่น ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ซึ่งช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน ประสบปัญหาน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตร บ้านเรือน เขต อ.วังยาง อ.นาแก เนื่องจากรับมวลน้ำจากทะเลสาบหนองหาร จังหวัดสกลนคร โดยเฉพาะพื้นที่บ้านปากบัง ต.พิมาน อ.นาแก ได้รับผลกระทบหนักสุดทุกปี เพราะเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำทั้ง 2 สาย คือ ลำน้ำก่ำ กับลำน้ำบัง ก่อนไหลระบายลงแม่น้ำโขงที่ อ.ธาตุพนม แต่เมื่อไม่กี่วันนี้ ระดับน้ำโขงลดเร็ว ทำให้ลำน้ำก่ำ ลำน้ำบัง ระบายรวดเร็ว ลดลงวันละประมาณวันละ 20 -30 เซนติเมตร ทำให้พื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมขัง ได้รับอานิสงส์ในทางบวก ลดความเสียหาย หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติในไม่ช้า
ขณะเดียวกัน หลังน้ำลดพบว่าพื้นที่การเกษตรทำนาปีประมาณ 3,500 ไร่ ของชาวบ้านปากบัง ต.พิมาน อ.นาแก มีพื้นที่นาข้าวเกือบ 2,000 ไร่ ถูกมวลน้ำจากลำน้ำก่ำกับลำน้ำบังเอ่อล้นท่วมขังมานานเกือบเดือน ต้นข้าวที่เพิ่งปักดำเน่าตายได้รับความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ
นายคำพอง พ่ออามาตย์ ผู้ใหญ่บ้านปากบัง ต.พิมาน เปิดเผยว่าหลังฝนหยุดตก ระดับน้ำก่ำที่ไหลมาสมทบลำน้ำบัง ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง ได้ลดระดับต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีการระบายน้ำมาจากทะเลสาบหนองหารอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่สามารถรองรับน้ำได้ เนื่องจากแม่น้ำโขงลดเร็ว จึงส่งผลดีต่อพื้นที่การเกษตร นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมขังมานาน ล่าสุดจากการสำรวจพบว่า มีนาข้าวหลังน้ำลดเสียหายแล้วเกือบ 2,000 ไร่ หากฝนไม่มีฝนถล่มซ้ำอีก ความเสียหายของนาข้าวจะน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา เช่นปี 2560 เกษตรกรอ่วมหนักนาข้าวเน่าตายกว่า 3,000 ไร่ ส่วนแนวทางการแก้ไข คงเป็นเรื่องยากเพราะใช้งบประมาณจำนวนมาก ในการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำบังทะลักเข้าหมู่บ้าน ส่วนแนวทางที่ 2 คือการสร้างระบบชลประทานให้ชาวบ้านทำนาในฤดูแลชดเชย ซึ่งยังเป็นความหวังของชาวบ้าน ต้องการให้รัฐบาลมาดูแลแก้ไข เพราะเป็นพื้นที่ท่วมซ้ำซากมานานกว่า 30 ปี
