X

พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ “หลวงปู่สอ” พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน อายุ 114 ปี

นครพนม – วันที่ 7 กรกฎาคม 2562 เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพวงมาลา น้ำหลวงสรงศพ และกล่องเพลิงพระราชทาน แก่พระครูปลัดสอ ขันติโก (หลวงปู่สอ ขันติโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม โดยนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการเชิญน้ำหลวงสรงศพและวางพวงมาลาพระราชทาน โดยมีพระมหาโดม ปัญญาวโร เจ้าคณะจังหวัดนครพนม(ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดศรีเทพประดิษฐานราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ศิษยานุศิษย์บรรจุสรีระสังขารหลวงปู่สอลงหีบศพ จากนั้น ผวจ.นครพนม วางพวงมาลาพระราชทาน แล้วจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาสรีระสังขาร วางเครื่องขมาสรีระสังขาร ก่อนถวายความเคารพ ทอดผ้าไตรบังสุกุล หลังจากนั้นได้กำหนดพิธีบำเพ็ญกุศลในทุกวันพระ การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ

หลังจากนั้น ผวจ.นครพนม และ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ออกตรวจบริเวณที่จะตั้งเป็นโรงครัวพระราชทาน และได้สอบถามลูกหลานของหลวงปู่สอ ถึงอาการเจ็บป่วย โดย ผวจ.นครพนม ให้จิตอาสา เราทำดีด้วยหัวใจ มาคอยบริการประชาชนตลอดงานบำเพ็ญกุศลศพ

หลวงปู่สอ ขันติโก  พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 6 แผ่นดิน เป็นศิษย์สืบสายธรรมของหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโณ  พระเกจิฯชื่อดังวิทยาคมเข้มขลัง ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน พระธาตุประจำวันเกิดคนวันศุกร์  โดยหลวงปู่สอได้ละสังขารอย่างสงบที่กุฏิวัด เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม รวมสิริอายุ 114  ปี พรรษา 94 การละสังขารของท่านสร้างความเศร้าสลดแก่คณะลูกศิษย์และญาติ รวมทั้งสาธุชนที่ทราบข่าว

นายชินพงษ์ กุลยะ ลูกศิษย์ที่ดูแลและใกล้ชิดหลวงปู่  กล่าวว่า ก่อนที่หลวงปู่สอจะมรณภาพ ป่วยเป็นโรคชราภาพ ต้องใช้ที่ครอบปากให้ออกซิเจนช่วยหายใจ  ก่อนที่จะมรณภาพมีอาการปอดติดเชื้อและความดันลดลง  กระทั่งสิ้นลมอย่างสงบ

อัตโนประวัติ หลวงปู่สอ มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในครอบครัวชาวนา  เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.2448  ปีมะเส็ง  (แต่จากคำบอกเล่าของลูกหลานเหลน เผยว่าการแจ้งเกิดของหลวงปู่สอช้ากว่าปกติ อาจเนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นไม่สะดวก จึงมีหลักฐานระบุแค่ท่านมีอายุถึงปัจจุบันแค่ 102 ปี)  ตรงกับปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 6 คน

เมื่อแรกเกิดหลวงปู่มีสายรกพันคอ จึงมีคนพยากรณ์ว่าจะได้บวช ซึ่งชีวิตในวัยเด็ก มีนิสัยเรียบง่าย  อ่อนน้อมถ่อมตน มีความผิดแผกกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน คือ ชอบเข้าวัดฟังธรรม

ต่อมาบุพการีได้พาไปกราบหลวงปู่สีทัตถ์  จึงเกิดความเลื่อมในศรัทธา  จึงขอติดตามไปยังภูเขาควายฝั่งประเทศลาว  และได้บวชเป็นสามเณรรับใช้อุปัฏฐาก ศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชา และวิทยาคมต่างๆจนช่ำชอง

กระทั่งอายุครบ 20 ปี จึงเข้าสู่ร่มกาวสาวพัสตร์ มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์  อยู่รับใช้ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง   จึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ถ้ำและภูผา  จนกระทั่งมีอายุ 32 ปี พรรษา 12  ได้ทราบข่าวว่ามารดาล้มป่วย จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระสุดท้าย

ในเวลาต่อมาเข้าอุปสมบทอีกครั้ง  และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน  ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาวที่บ้านบุ่ง อยู่จำพรรษาพัฒนาวัดบ้านบุ่งนานหลายปี  ก่อนออกเดินธุดงค์ไปพบหลวงปู่สีทัตถ์  ปรนนิบัติจนพระอาจารย์มรณภาพ

หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับมาฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี  บ้านบะหว้า ต.รามราช ในช่วงนั้นยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นสหธรรมิก  และศิษย์ผู้พี่หลายท่าน อาทิ หลวงปู่สนธิ์  วัดท่าดอกแก้วเหนือ, หลวงปู่คาน คันธิโย, และยังไปศึกษาข้อวัตรกับหลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพประดิษฐาราม อยู่บ่อยครั้ง  จนเคร่งครัดในพระธรรมวินัย

อย่างไรก็ตาม  ก่อนที่หลวงปู่ท่านจะมรณภาพลงอย่างสงบ  ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน  ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย  สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ   ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ฉันภัตตาหารเนื้อปลา  ผักสด และกล้วยน้ำหว้าวันละ 1 ผล

ส่วนเคล็ดลับที่ท่านอายุยืน  หลวงปู่สอเคยเล่าให้ฟังว่า  ใช้วิชาปั่นธาตุ  ซึ่งหมายถึงการนั่งจิตภาวนา  สลับธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ  ในร่างกาย  เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

และเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา  คณะลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วประเทศและญาติโยม  ได้จัดมุทิตาจิตฉลองครบรอบอายุวัฒนะมงคล ส่วนสมณศักดิ์หลวงปู่สอ  ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูปลัดสอ

ซึ่งขณะลูกศิษย์จัดงานฉลองอายุวัฒนะมงคล  แม้หลวงปู่อาพาธด้วยโรคชรา  แต่ก็ยังออกมาพบกับญาติโยมที่มาร่วมงานดังกล่าว  กระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 18.12 น. วันที่ 6 กรกฎาคม หลวงปู่สอ ได้ละสังขารอย่างสงบ  สิริอายุ 114 ปี พรรษา 94

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พลันที่ชีพจรหลวงปู่อ่อนลง  พยาบาลที่อยู่ในกุฏิแจ้งว่า สัญญาณชีพของหลวงปู่ไม่มีแล้ว  หลวงปู่ได้ละสังขารจากไปแล้ว ก็ได้แจ้งให้คนขึ้นไปตีระฆัง ปรากฏว่ามีสุนัขในหมู่บ้าน พากันส่งเสียงเห่าหอนรับกันหลายตัว  อีกทั้งมีเสียงไก่ขันสอดประสานเสียงกัน ทุกคนต่างกล่าวพร้อมกันว่า หมา  ไก่ ต่างรับรู้ว่าหลวงปู่จากไป

ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่สอแต่ละรุ่น ที่ท่านเมตตาให้จัดสร้างอธิษฐานจิต  ได้รับความนิยมอย่างสูง  จนหนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย  ได้นำประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ไปตีพิมพ์   ปัจจุบันวัตถุมงคลรุ่น 1 ถึงรุ่น 3 เป็นที่ต้องการของนักสะสมมาก

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน