เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีศาลจังหวัดนครพนม ได้ออกหมายจับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร วัย 54 ปี อดีตครูใน จ.สกลนคร และนายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง ใน 2 ข้อหาหนัก ร่วมกันนำสืบและแสดงหลักฐานเท็จต่อศาล และอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.นครพนม และชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางจอมทรัพย์ ได้ที่บ้านพักในพื้นที่บ้านม่วงไข่ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ส่วนการติดตามตัวนายสุริยาหรือครูอ๋อง ในพื้นที่ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ผู้ต้องหาคนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำนายสับ วาปี ผู้ที่เคยออกมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์ ออกมารับสารภาพว่าครูอ๋อง และครูจอมทรัพย์ มีส่วนรู้เห็นในการขอรื้อฟื้นคดี และนำสืบพยานในห้วงระหว่างวันที่ 8-10 ธ.ค.2559 ที่ผ่านมา กระทั่งนำตัวนายสับ ไปชี้จุดรับเงินจากครูอ๋อง ในรถกระบะถนนหลังศาลจังหวัดนครพนมซึ่งอาจเป็นเงินของครูจอมทรัพย์ ที่จ่ายชดเชยให้กับญาตินายเหลือ พ่อบำรุง ผู้เสียชีวิต หลังศาลพิพากษาให้ชดใช้คดีทางแพ่ง 1.7 แสนบาท ซึ่งนายสับสารภาพว่ารับเงินจำนวนดังกล่าวจากครูอ๋องเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2557
พ.ต.ท.สุวิทย์ สิงห์กาล สารวัตร ตม.จังหวัดนครพนม กล่าวว่า นายสุริยา หรือครูอ๋อง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม ได้รับหมายจับมาจาก สภ.เมืองนครพนม จึงได้แจกจ่ายหมายจับติดตามด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เพื่อกำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังในการตรวจตรา หวั่นผู้ต้องหาตามหมายจับ จะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน หากพบจะต้องจับตัวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่อาคารแสงสิงแก้ว ชั้นล่างของกองบังคับการตำรวจภูธร (บก.ภ.จว.) นครพนม ยังคงมีกองทัพนักข่าว มาปักหลักเพื่อรอเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนางจอมทรัพย์ เดินทางมาจาก จ.นครพนม เพื่อสอบสวนเพื่อหาความเชื่อมโยงผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการออกมารับผิดแทน
