17 ม.ค.2566 นายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ นายอำเภอธาตุพนม ประธานกรรมการบริหารจัดการวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารได้ชี้แจงผลสรุปจากการประชุมของคณะกรรมการ เมื่อวันที่16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมงานนมัสการองค์พระธาตุพนมที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-25 ก.พ.2567 โดยมีข้อสรุปเบื้องต้นในการจัดงานปีนี้ จะให้ผู้ค้าเดิมกลับทางวัดพระธาตุพนมมาทำสัญญา ในวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ แต่ทางอำเภอจะต้องขอตรวจสอบสถานภาพและแสดงตัวตนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนทุกราย
แต่หากพบว่าผู้ที่ค้าเดิมไม่แสดงตัวตนหรืออาจเสียชีวิต ก็จะต้องเปลี่ยนโอกาสให้กับผู้ค้าใหม่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนมือเหมือนเช่นมรดกได้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้งนี้ได้ย้ำว่าสำหรับผู้ที่จับสลากและทำสัญญากับทางวัดจะต้องเป็นผู้ประกอบการเองเท่านั้น หากพบการกระทำผิดก็จะทำการตัดสิทธิ์ผู้ค้าในปีถัดไปในทันที โดยในที่ประชุมต่างให้การเห็นชอบ นอกจากนี้สำหรับพื้นที่แสดงและจำหน่ายสินค้าโอท็อปชุมชนและหน่วยงานราชการ สำนักงานต่างๆ จะต้องผ่านการกลั่นกรองจากหน่วยงานพัฒนาชุมชนเสียก่อนขอใช้พื้นที่จำหน่ายและแสดงสินค้า หากมีพื้นที่เหลือจึงจะเปิดให้กับร้านค้าวางจำหน่ายสินค้าได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงปัญหาราคาที่จอดรถในช่วงงานเทศกาลมีราคาสูงผิดปกติ ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการจะมีทิศทางแก้ไขปัญหาอย่างไร นายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ นายอำเภอธาตุพนมและฐานะเป็นประธานกรรมการบริหารจัดการฯ ได้กล่าวว่าสำหรับเรื่องนี้ วัดมีพื้นที่ให้บริการจอดรถฟรีส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะเป็นของเอกชนซึ่งคิดค่าบริการจอดรถที่ค่อนข้างแพง ก็เป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องได้รับการแก้ไขโดยอาจจำเป็นต้องกำหนดราคากลางขึ้นมา เพื่อไม่ให้ฉกฉวยโอกาสจากผู้ที่เดินทางมานมัสการองค์พระธาตุพนมและนักท่องเที่ยว ซึ่งกำลังเตรียมการประชุมหารือต่อเรื่องนี้ในโอกาสถัดไปผ่านการ ทั้งนี้ได้ย้ำว่าทุกอย่างจะต้องโปร่งใสและยุติธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทางอำเภอธาตุพนมได้จัดกำลังอส.วันละ 100 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรวันละ 300 นายสนธิกำลังรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 400 นาย ตลอดทั้ง 9 วัน นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานอื่นได้แก่เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วย นรข. ตชด.จะเข้าร่วมมาช่วยดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบมากเป็นพิเศษ จากสถานการณ์ป้องกันและปราบปรามเกี่ยวกับยาเสพติดที่เข้มงวดมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้สำหรับทางอำเภอธาตุพนม พบผู้ป่วยจิตเวชที่ขาดยาที่ไม่ได้ไปรับการรักษาและเสพยาบ้าวันละจำนวนหลายราย รวมถึงการขยายผลจับกุมผู้ค้ายาบ้าได้อย่างต่อเนื่อง จึงยิ่งช่วงนี้ยาบ้าหามาเสพได้ยาก ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้จึงมีอาการขาดยาอาละวาดสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของครอบครัวและชุมชน จึงต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้ถึงที่สุด
