X

“หมอสงค์” นักการเมืองอาวุโส แจงลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

“หมอสงค์” นักการเมืองอาวุโส แจงลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่มีเรื่องขัดแย้งเปิดทางคนเหมาะสมทำงาน ฟันธงอภิปรายร่างงบฯมีการแจกกล้วย

วันที่ 8 มิถุนายน 2565 นายแพทย์ ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย/ส.ส.นครพนม 12 สมัย อดีต รมว.แรงงานฯ(พ.ศ.2540)/รมช.แรงงานฯ(พ.ศ.2539)/รมต.สำนักนายกฯ(พ.ศ.2531)/รมว.สาธารณสุข (พ.ศ.2529) ,อดีตที่ปรึกษากิจการพิเศษนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ,อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนายชวน หลีกภัย ฯลฯ ปัจจุบันเป็นรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว กรณีมีรอยร้าวในพรรคเสรีรวมไทย ว่า สำหรับที่มาของการลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันไม่มีความขัดแย้งภายใน หรือขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แต่เป็นการบริหารจัดการการทำงานในพรรคให้เกิดการลงตัว เปิดทางให้คนที่มีความเหมาะสมเข้าไปทำงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายพรรคไปข้างหน้า ทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนเต็มที่

อีกทั้งอยากให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการทำงานการเมืองบริหารงานร่วมกัน ส่วนการทำงานในพรรคยังเหนียวแน่น โดยการทำงานยังยืนหยัดอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย และไม่เอาเผด็จการที่แฝงมาในรูปแบบประชาธิปไตย ซึ่งตนทำงานการเมืองมากว่า 39 ปี ขอให้มั่นใจว่าไม่เอาฝ่ายเผด็จการแน่นอน

อย่างไรก็ตามในการทำงานการเมืองไม่ว่าพรรคไหน จะเกิดความขัดแย้งอะไรขึ้นกับพรรคไหน สุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน บางพรรคอาจจะมีการขัดแย้งลาออก ขับออก ไล่ออกบ้าง เป็นธรรมดาของเส้นทางการเมือง แต่ยังเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ ยังมีบารมีทางการเมืองในการดูแลลูกพรรค อย่างเช่นปัญหาที่ผ่านมา มีการไล่ลูกพรรคออก แต่สุดท้ายคนที่ออกไปยังสามารถต่อรองไปสังกัดพรรคใหม่ได้ ไม่เสียของทั้งสองฝ่าย ดูจากสถานการณ์เชื่อว่าไม่ยุบสภา ในความคิดส่วนตัวหากอยู่นานไปยอมรับว่าจะมีแต่ผลเสีย อันนี้ตนรับข้อมูลมาจากประชาชน ไม่ได้พูดเอง มีแต่ความล้าหลัง แต่ทำอย่างไรได้ เพราะเขาไม่ลาออก แต่เชื่อว่าสุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสิน เหมือนกับการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. แสดงออกถึงพลังของประชาชนที่มีความต้องการคนดีเข้าไปทำงาน พัฒนาบ้านเมือง

หมอสงค์กล่าวอีกว่า มีอีกประเด็นสำคัญที่พี่น้องประชาชน จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการเมือง กรณีมีข่าวบางพรรคเสียงแตกในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2566 ตนเชื่อว่ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นความคิดส่วนตัวที่เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่มีใบเสร็จมายืนยัน และเชื่อว่ามีการแจกกล้วย หรือเป็นการต่อรองของ ส.ส.บางคน ระหว่างพรรคการเมือง เพื่อต้องการจะย้ายพรรค เพราะฉะนั้นการเรื่องตั้งทุกครั้ง ประชาชนต้องเข้าใจทิศทางการเมือง เข้าใจประชาธิปไตย จะต้องเลือกคนที่จะเข้าไปต่อสู้เพื่อประชาชน ต้องใช้อำนาจประชาชนในการตัดสิน แสดงพลังร่วมกัน จะหมดปัญหายึดอำนาจทางการเมือง โดยที่ผ่านมาการเกิดการยึดอำนาจ เพราะประชาชนไม่เข้าใจการเมือง เข้าไม่ถึงการเมือง

สำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า เชื่อว่าบัตร 2 ใบ คือใบหนึ่งเลือกคน กับอีกใบหนึ่งเลือกพรรค ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นธรรมสำหรับนักการเมือง ให้ประชาชนได้ตัดสินใจ เลือกพรรค เลือกคนแยกกันได้ ตนถือว่าเป็นระบบที่ดี ทำให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะต้องหาผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ชนะใจประชาชน ลงสมัครเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งที่ตื่นเต้นพอสมควร ส่วนพรรคไหนสร้างความดีให้ประชาชนเห็นจะได้เปรียบ

ส่วนเส้นทางอนาคตการเมืองปัจจุบันยังทำงานร่วมกับพรรคเสรีรวมไทย แต่อนาคตการเมืองขอให้มีการยุบสภาก่อน แต่ยืนยันไม่เอาฝ่ายเผด็จการแน่นอน หากจะมีการย้ายพรรคต้องเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน