X

ไหลเรือไฟนครพนม วันสุดท้ายปิดฉากสวยงาม นทท.แห่ชมแน่นอัฒจันทร์

นครพนม – ไหลเรือไฟนครพนม วันสุดท้ายปิดฉากสวยงาม นทท.แห่ชมแน่นอัฒจันทร์ ปักหมุดเรือไฟโบราณเป็นไฮไลท์สำคัญทุกปี

วันที่ 23 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในเทศกาลบุญออกพรรษาไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม ประจำ 2564 โดยเริ่มงานตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมรวม 6 วัน แม้ปีนี้จะจัดภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 งดการจัดกิจกรรมประกวดเรือไฟขนาดใหญ่ของแต่ละอำเภอ จำนวน 12 ลำ ที่มีความยาว 80-100 เมตร สูง 15 เมตรขึ้นไป เหลือเพียงเรือไฟโชว์ขนาดความยาว 30 เมตร สูง 6 เมตร จำนวน 5 ลำเท่านั้น เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ โดยจะปล่อยร่วมกับกระทงสายหรือไข่พญานาค วันละ 2-3 ลำทุกวัน และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของงานเทศกาลดังกล่าว

ถึงกระนั้นยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมความงามของเรือไฟกันเป็นจำนวนมาก โดยทางสาธารณสุขจังหวัดนครพนมร่วมกับกองงานสาธารณสุขเทศบาลเมืองนครพนม ตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าไปในบริเวณงานอย่างเข้มงวด ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครฯ ร่วมกันรักษาความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สินทั้งใน-นอกเครื่องแบบกระจายตัวทั่วพื้นที่จัดงาน

วันสุดท้ายนี้มีเรือไฟโชว์ไหลจำนวน 2 ลำ และกระทงสายหรือไข่พญานาค 6,000 ดวง เริ่มโชว์ความงามกลางสายน้ำโขงในเวลา 19.00 น. ณ จุดปล่อยหน้าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.ฯ) สำนักงานนครพนม ถนนสุนทรวิจิตร โดยใช้เรือลาดตระเวนหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงลากจูงล่องตามสายน้ำเป็นระยะทาง 3.1 กม. แม้จะย่อส่วนลดขนาดหรือพลุไฟตะไลเพลิงก็มีจำกัด แต่ไม่ได้ลดความงามลงแม้แต่นิดเดียว ศิลปินเรือไฟผู้ออกแบบลวดลายยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้การจราจรถนนทุกสายติดขัดเป็นทางยาว

ซึ่งหลังจากปิดฉากเทศกาลไหลเรือไฟประจำปี 2564 ลงเรียบร้อย จะมีการประชุมหาจุดเด่นจุดด้อยและแก้ไข เพื่อเตรียมแนวทางการจัดงานไว้ในปีถัดไป หากการแพร่ระบาดของโรคโควิดอยู่ในวงจำกัดแล้ว งานเทศกาลไหลเรือไฟปี 2565 ก็จะกลับมายิ่งใหญ่ดังเดิม

สำหรับเรือไฟโบราณอันเป็นรากเหง้าของเรือไฟประยุกต์ ที่สร้างจากไม้ไผ่สานต่อกันเป็นลำเรือ โดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมร่วมกับชมรมพนมนครานุรักษ์ บรรจงสร้างขึ้นมาจำนวน 12 ลำ 12 ปีนักษัตร ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ที่ได้มีส่วนร่วมบูชารอยพระพุทธบาท บูชาพญานาค บูชาแม่น้ำโขงอันเป็นสายน้ำนานาชาติที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวจังหวัดนครมานับพันปี และบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยการเล็มผม ตัดเล็บ พร้อมเขียนชื่อ-นามสกุล ลงใส่ในกระทงหยวกกล้วยที่มีไว้บริการด้านหน้าทางเข้า เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ ลอยโศก ลอยโรคภัยไข้เจ็บ ความทุกข์ยาก รวมทั้งสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ให้มอดไหม้ไปกับดวงไฟและลอยหายไปกับสายน้ำ และให้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ทำมาค้าขึ้น เศรษฐกิจเฟื่องฟู อยู่เย็นเป็นสุขทั้งครอบครัว โดยทางจังหวัดนครพนมเตรียมกำหนดให้เป็นไฮไลท์สำคัญของงานทุกปี เพราะเรือไฟโบราณคือต้นฉบับของเรือไฟปัจจุบัน ที่เกือบลืมเลือนจากคนรุ่นใหม่

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน