X

 “บีบหัวใจ” เคสแรกของจังหวัด แพทย์ รพ.นครพนม เตรียมผ่าคลอดหญิงติดโควิด

 นครพนม – “บีบหัวใจ” เคสแรกของจังหวัด แพทย์ รพ.นครพนม เตรียมผ่าคลอดหญิงติดโควิด ชื่นชมผู้ป่วยติดเชื้อจากพื้นที่เสี่ยง มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เวลา 11.30 น. ณ ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายแพทย์กิตติเชษฐ์ ธีรกุลพงศ์เวช นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยยืนยันผลเพิ่มจำนวน 4 ราย เป็นรายที่ 181-184 รวมติดเชื้อสะสม 184 รักษาหายกลับบ้านแล้ว 143 กำลังรักษาตัวอยู่ใน รพ. 39 และเสียชีวิต 2 ราย

นพ.กิตติเชษฐ์ ธีรกุลพงศ์เวช เปิดเผยว่าผู้ป่วยรายที่ 181 เพศหญิงอายุ 31 ปี มีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยชายรายที่ 179 อายุ 42 ปีซึ่งเป็นสามีทำงานอยู่โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่จังหวัดชลบุรี  โดยหญิงผู้ป่วยตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด โดยมีกำหนดคลอดอีก 2 สัปดาห์เท่านั้น ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากบุคลากรทางการแพทย์ว่า ทางโรงพยาบาลได้ประชุมเตรียมความพร้อม ตั้งแต่ห้องคลอดและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อรักษาชีวิตทั้งแม่และลูกให้ปลอดภัย ซึ่งอาจจะต้องผ่าคลอดในวันพรุ่งนี้ (1 กค.) จึงขอกำลังใจชาวนครพนมส่งให้หญิงผู้ป่วยรายนี้พ้นจากวิกฤตในครั้งนี้ด้วย

ส่วนผู้ป่วยรายที่ 182 เพศชายอายุ 27 ปี อาชีพโฟร์แมนทำงานอยู่ที่ไซต์งานก่อสร้าง กทม. มีประวัติสัมผัสกับคนงานในไซต์ก่อสร้างประจำ ช่วงวันที่ 21 มิถุนายนเริ่มมีอาการไอเจ็บคอจึงไปซื้อยามาทานเอง แต่ยังคงไปทำงานปกติ ต่อมามีการเปลี่ยนไซต์งาน จึงเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด กระทั่งวันที่ 28 มิถุนายน ทางโรงพยาบาลแจ้งผลเป็นบวก จึงประสานโรงพยาบาลโพนสวรรค์ขอกลับภูมิลำเนามารักษาตัว

รายที่ 183 เพศหญิงอายุ 20 ปี นักศึกษาฝึกงานร้านสะดวกซื้อย่าน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เริ่มมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส มั่นใจว่าติดเชื้อโควิดแน่นอน จึงจ้างเหมารถกระบะโดยนั่งอยู่ที่กระบะหลังเดินทางกลับมารักษาที่ รพ.ศรีสงคราม และรายที่ 184 เพศชายอายุ 39 ปี หลังเพื่อนในที่ทำงานติดเชื้อโควิดถึง 5 คน จึงขับรถยนต์ส่วนกลับบ้านเกิดที่อำเภอธาตุพนม โดยขอเข้ารับการตรวจที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม พบติดโควิดจากเพื่อนในบริษัท ทั้งนี้ผู้ป่วยรายที่ 182-184 มีจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม ระหว่างเดินทางได้แยกตัวเองออกจากสังคมหมู่มากไม่ยอมสัมผัสผู้ใด ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ป่วยรายอื่น

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน