นครพนม – ตำรวจน้ำร่วมสืบจังหวัดนครพนม จู่โจมสกัดจับหนุ่มขนกัญชากว่า 200 กิโล อ้างตกงานจากพิษโควิด ครั้งแรกผ่านฉลุยได้ใจทำครั้งที่สองเลยเกม
วันที่ 3 เมษายน 2564 ณ สถานีตำรวจน้ำ 2 อ.ธาตุพนม จ.นครพนม กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.10 กองบังคับการตำรวจน้ำ มอบหมายให้ พ.ต.ต.กิตติพงศ์ พึ่งชมภู สารวัตร สถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ ร่วมกับ พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สืบสวนนครพนม ร่วมกับชุดสืบสวนปราบปรามยาเสพติด แถลงการจับกุมขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติ มีผู้ต้องหาคือ นายสถาพร จำปาเป้า อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 152 หมู่ที่ 8 ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาวทะเบียน 4 ประตู ขค 4055 อุดรธานี ภายในบรรทุกกัญชารวมจำนวน 230 แท่ง น้ำหนักแท่งละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนัก 230 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จะมีการลักลอบขนกัญชานำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในพื้นที่บ้านคับพวงหมู่ 4 ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบสกัดจับกุม ขณะผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คน ลักลอบขนกัญชาเตรียมนำส่งไปยังเครือข่าย เจ้าหน้าที่จึงจู่โจมเข้าสกัดตรวจค้นจับกุม แต่คนขับจอดรถยนต์ทิ้ง และวิ่งหลบหนีไป ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งที่นั่งมาด้วยคือนายสถาพร จำปาเป้า วิ่งหนีไม่ทันถูกจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดของกลางกัญชาทั้งหมดที่อยู่ในรถ นำตัวไปสอบสวนขยายผล
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีหน้าที่รับจ้างขับรถยนต์ดังกล่าว มารับของกลางในพื้นที่บ้านคับพวงหมู่ 4 ต.น้ำก่ำ โดยจะมีขบวนการค้ากัญชาข้ามชาติชาวลาว ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางเรือหางยาว ก่อนนำมาพักและขนส่งขึ้นรถยนต์ โดยมีการนัดหมายทางโทรศัพท์ เพื่อส่งต่อไปยังปลายทาง แต่ยังไม่รู้เป้าหมายว่าจะให้ไปส่งที่ใด และมาถูกสกัดจับกุมได้เสียก่อน ซึ่งหากทำงานสำเร็จจะได้ค่าจ้าง ครั้งละประมาณ 30,000 บาท ทำไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 อ้างทำไปเพราะไม่มีงาน ปกติมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ตกงานจากสถานการณ์โควิด จึงมีเพื่อนติดต่อให้รับจ้างขนส่งกัญชาให้นายทุน และมาถูกจับกุมดังกล่าว
โดยทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสอบสวนขยายผล เชื่อมโยงจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป พร้อมเพิ่มมาตรการเข้มในพื้นที่ตามแนวชายแดน เนื่องจากในช่วงนี้มีการทะลักนำเข้ากัญชาบ่อยครั้ง ในช่วงเดือนที่ผ่านมาพื้นที่ชายแดน จ.นครพนม มีการตรวจยึดกัญชามากกว่า 5 ตัน ยิ่งช่วงนี้ต้องมีการเข้มงวดเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลังมีการปลดล็อกกัญชานำไปปรุงอาหาร ทำให้มีการฉวยโอกาสรับซื้อกัญชาผิดกฎหมายไปจำหน่าย และปรุงในเมนูต่างๆ ในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบ
