X

ผวจ.นครพนม โชว์ตีข้าวแบบโบราณดั้งเดิม ในกิจกรรมเรือนจำฯ เปิดโครงการโคกหนองนาโมเดล

นครพนม – ผวจ.นครพนม โชว์ตีข้าวแบบโบราณดั้งเดิม ในกิจกรรมเรือนจำฯ เปิดโครงการโคกหนองนาโมเดล นำผู้ต้องขังฝึกอาชีพสู่ชุมชน สร้างเกษตรพอเพียงสู้ภัยโควิด

ณ เรือนจำกลางนครพนม บ้านหนองเซา ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสร้างงาน สร้างอาชีพ เรือนจำกลางนครพนม ครั้งที่ 2 ภายใต้ชื่อโคกหนองนาโมเดล เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ ผู้ต้องขัง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับอาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงอาชีพเกษตรพอเพียง โดยได้มีการพัฒนาพื้นที่เรือนจำกลางนครพนม เป็นจุดจำหน่ายสินค้าจากฝีมือผู้ต้องขัง  และสินค้าโอทอปขึ้นชื่อของจังหวัดฯ อีกทั้งจำหน่ายสินค้าการเกษตร

นอกจากนี้ยังได้มีการปรับพื้นที่ทำแปลงเกษตรสาธิต ทำนาข้าว  ปลูกพืชผักการเกษตร  โดยให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ฝึกอาชีพจริง และให้ประชาชนที่สนใจได้มาศึกษาเยี่ยมชม แล้วนำไปขยายผลยังชุมชนของตน เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน  ที่สำคัญยังเป็นการสร้างอาชีพให้ผู้ต้องขัง หลังพ้นโทษสามารถนำไปสร้างอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว แก้ปัญหาว่างงาน ไม่ต้องหันมาทำความผิดซ้ำอีก   ในครั้งนี้มีนายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม นำข้าราชการจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงผู้นำชุมชนท้องถิ่น และผู้ต้องขัง ร่วมการเปิดงาน

สำหรับกิจกรรมในงาน จะมีการเปิดร้านค้าจำหน่ายสินค้าฝีมือผู้ต้องขัง รวมถึงสินค้าโอทอป และสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านของจังหวัดนครพนม มีการเปิดบูธการส่งเสริมอาชีพของกลุ่มฝีมือแรงงาน และหน่วยงานเกี่ยวข้อง  ให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเยี่ยมชม

อีกทั้งยังได้ร่วมกันเก็บเกี่ยวผลผลิต ลงแขกเกี่ยวข้าวในแปลงสาธิต  โดยเรือนจำกลางนครพนม ได้สร้างศูนย์การเรียนรู้โคกหนองนาโมเดล  ส่งเสริมอาชีพการเกษตรพอเพียง เน้นลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ รวมถึงศูนย์ฝึกอาชีพ จำหน่ายสินค้าแบบครบวงจร ให้ผู้ต้องขังได้ฝึกอาชีพ อาทิ การทำนาปลูกข้าว ปลูกพืชผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์การเกษตร  บริการล้างรถ ซักรีดผ้า จำหน่ายอาหาร และบริการนวดแผนโบราณ โดยเป็นเรือนจำต้นแบบ ให้ชาวบ้านได้มาศึกษาเยี่ยมชมได้ทุกวัน

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ปัจจุบันการส่งเสริมอาชีพเกษตรพอเพียง รวมถึงอาชีพภูมิปัญญาชาวบ้าน ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างรายได้ ขอชื่นชมเรือนจำกลางนครพนม ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนอาชีพแก่ผู้ต้องขัง รวมถึงประชาชนที่สนใจได้มาศึกษาเรียนรู้ โดยเฉพาะอาชีพเกษตรพอเพียง การทำไร่ ทำนา ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ถือเป็นอาชีพที่จะสร้างรายได้ยั่งยืน  ทำให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษสามารถดูแลตัวเอง และครอบครัวได้หลังพ้นโทษออกมา  ตนเชื่อว่าในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถรอดพ้นปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ ส่วนหนึ่งเพราะมีอาชีพเกษตรพอเพียง ที่สามารถสร้างรายได้ รวมถึงลดรายจ่ายในครัวเรือนได้ จึงเป็นนโยบายสำคัญที่จังหวัดนครพนม จะต้องส่งเสริมสนับสนุนในการสร้างอาชีพเกษตรพอเพียง รวมถึงอาชีพภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้มีศักยภาพในการผลิตมากขึ้น

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม ได้ร่วมกันโชว์การตีข้าวหรือฟาดข้าว ซึ่งเป็นวิถีโบราณดั้งเดิม โดยทั้งสองท่านทำได้อย่างแคล่วคล่อง เพราะอาชีพชาวนาเป็นของบรรพบุรุษของทั้งคู่นั่นเอง

ในอดีตชาวนาจะใช้เคียวเกี่ยวข้าวทีละก่อๆไปเรื่อยๆ จากนั้นใช้ตอกจากไม้ไผ่มัด แล้วนำมากองรวมๆกันไว้ ชาวนาจะนวดข้าวด้วยมือหรือที่คนอีสานเรียกว่า “ฟาดข้าว” คือเอาข้าวไปตีกับไม้กระดานเพื่อให้ข้าวหลุดออกจากรวง อาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะเสร็จ ทำให้ชาวนาต้องมีการลงแขกแล้วต้องมานอนเฝ้าข้าว

ต่อมาก็มีรถนวดข้าวชาวอีสานจะเรียกว่า “รถสีข้าว”  โดยชาวนายังเกี่ยวข้าวด้วยเคียวและมัดข้าวด้วยตอกเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือไม่ต้องฟาดข้าว แล้ว เอาข้าวที่มัดไว้ยัดใส่รถสีข้าว ข้าวก็จะออกมาเป็นเม็ดๆ จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวันแต่ยุคนี้แค่ชั่วโมงเศษๆก็เสร็จ บรรยากาศก็จะเป็นการลงแขก เพื่อนบ้านมาช่วยกันอย่างสนุกสนาน มีการทำกับข้าว ต้มไก่ ลาบ ก้อย เหล้าขาว ถือเป็นเมนูบังคับที่ต้องทำทุกลานเก็บเกี่ยว

มาถึงยุคปัจจุบันชีวิตของชาวนาสะดวกสบายมากขึ้น มีรถเกี่ยวข้าวเข้ามา ไม่ต้องมีเคียว ไม่ต้องใช้ตอกจากไม้ไผ่ พอรถเกี่ยวเสร็จข้าวก็ออกมาเป็นเม็ดๆใส่กระสอบได้ทันที ถึงแม้จะได้ความสะดวกสบายเข้ามา แต่ชาวนาก็ต้องแลกไปกับการสูญเสียบรรยากาศของความสามัคคีของชุมชน ความใกล้ชิดกับเครือญาติและเพื่อน เสน่ห์ของความเป็นชนบทเริ่มหายไปตามยุคตามสมัยของเทคโนโลยี

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน