X

พยานปากเอกเห็นชัด มือปืนเดินไล่ยิง 2 ศพปานหนังแอ็คชั่น คนเจ็บคลานกระเสือกกระสนหนีตาย

นครพนม – พยานปากเอกเห็นชัด มือปืนเดินไล่ยิง 2 ศพปานหนังแอ็คชั่น คนเจ็บคลานกระเสือกกระสนหนีตาย ปมแค้นมาจากส่งเสียงดังนอนไม่หลับ

จากกรณี นายดอน อริยะกาญจน์ อายุ 29 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 1092 หมู่ 3 ต.วังกระแซะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันเช่าบ้านค้าขายลูกชิ้นปลาระเบิดในตลาดสดบ้านแพง ใช้อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิงนายใจเพชร โมฬีชาติ อายุ 34 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 27 หมู่ 6 ต.ขามป้อม อ.เขมราฐ จ.อุบลฯ คนงานเข็นผักสด และเถ้าแก่ชื่อ นายสำราญ บรรทร อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 320 หมู่ 2 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เสียชีวิตคางานเทศกาลลอยกระทง สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ใกล้กับอ่างเก็บน้ำหนองเครือเขา หลังเทศบาลตำบลบ้านแพง โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ชื่อนายถนัดชัย ธรรมจันทร์ อายุ 34 ปี ส่งนำส่งโรงพยาบาลนครพนม แพทย์สามารถผ่าหัวกระสุนช่วยเหลือชีวิตไว้ทัน

โดยขณะเกิดเหตุมีเวทีประกวดนางนพมาศ และกระทงสวยงาม มีประชาชนซื้อบัตรโต๊ะจีนเข้ามาชมกันเป็นจำนวนมาก พร้อมคอนเสิร์ตศิลปินมดแดง จิราพร เจ้าของเพลงดัง สาวขายหวี สิกันบ่ และปล่อยน้ำใส่นาน้อง ทำให้ทั้งนางนพมาศ ประชาชน ตลอดจนคณะกรรมการ ต่างวิ่งหนีกันกระเจิงคนละทิศละทาง จนผู้จัดต้องประกาศปิดงานกลางคัน ส่วนนายดอนหลังสังหารเหยื่อคมกระสุนแล้ว ได้ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ 4 ประตู ยกสูง สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กจ 4641 นครพนม ไปมอบตัวที่กับ พ.ต.ท.พงษ์เพชร หงษ์ศรี สารวัตรสอบสวน สภ.บ้านแพง สภ.บ้านแพง สารภาพเหตุที่กระทำเพราะถูกผู้ตายตะโกนให้ของลับ จึงบันดาลโทสะเดินไปหยิบอาวุธปืนในมายิงจนหมดแม็กตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าได้มีผู้เสียหายที่ถูกลูกหลง นำรถยนต์ของตนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง จำนวน 2 คัน ประกอบด้วย น.ส.กนกนิภา ภาโสม อายุ 37 ปี ทำงานอยู่ อบต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ขับรถเก๋งยี่ห้อเซฟโรเลต รุ่นโซนิค สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 6678 นครพนม ที่ถูกคมกระสุนพลาดมาโดนรถเก๋งบริเวณกระจกหลัง 4 นัด ข้างถังน้ำมัน 2 นัด และไฟท้ายอีก 1 นัด รวมเป็น 7 นัด พร้อมกับเปิดเผยว่าช่วงวันหยุดจะหาลำไพ่พิเศษด้วยการขายบาร์บีคิวเป็นอาชีพเสริม วันเกิดเหตุได้มาตั้งร้านอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มีคนตะโกนว่าหมอบลงเขายิงกันตาย ทั่วบริเวณนั้นมีทั้งคนหมอบอยู่กับพื้นและวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น กระทั่งเสียงปืนสงบก็เห็นร่างผู้เสียชีวิตอยู่ตายอยู่ข้างรถยนต์ของตน และรถก็ถูกกระสุนปืนมาโดนดังกล่าว

รถยนต์อีกคันที่จอดใกล้เคียงกับรถเก๋งของ น.ส.กนกนิภาคือรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีขาว แค๊ป ทะเบียน 3 จ 9861 นครราชสีมา ของนายวีระชัย ไกยะ อายุ 37 ปี พ่อค้าขายซูชิ ที่ถูกลูกหลงเข้าฝั่งด้านคนขับ รวม 4 นัด จึงพากันมาแจ้งความดังกล่าว

ต่อมามีพยานปากเอกชื่อ น.ส.บุญรัตน์ คำมูลมี อายุ 42 ปี แม่ค้าขายลูกชิ้นตามตลาดนัด เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่า วันเกิดเหตุตนกำลังยืนทอดลุกชิ้นอยู่ห่างจากจุดยิงกันประมาณ 20 เมตร ขณะสาละวนอยู่เพราะลูกชิ้นขายดีมาก ก็ได้ยินเสียงคล้ายคนจุดประทัดดังปังๆๆๆ เมื่อหันไปตามเสียงดังกล่าวพบผู้ชายคนหนึ่ง ถือปืนไล่ยิงคนราวกับในหนังแอ็คชั่น จึงคิดว่าเขาเล่นปืนแก๊ปกัน ขณที่ผู้คนต่างวิ่งหนีกันวุ่นวาย ตนก็ยังตะโกนไปว่าอย่ามาเล่นปืนแก๊ปอยู่แถวนี้เพราะกำลังขายดีอยู่ ตอนนั้นเห็นคนร้ายเดินไล่ยิงนายถนัดชัยที่คลานกระเสือกกระสนหนีคมกระสุนปืน ก่อนจะเดินกลับมายิงซ้ำที่ร่างของนายสำราญอีก 3 นัด ด้วยความที่ไม่รู้ตนยังจะเดินไปด่าคนยิง ก็มีเสียงพ่อค้าที่อยู่ใกล้ๆบอกอย่าเข้าไปเขาฆ่าคนตาย ตนจึงตกใจหนีมาหลบอยู่หลังร้าน จากนั้นก็เห็นคนร้ายเดินไปขึ้นรถยนต์ขับออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ซึ่ง น.ส.บุญรัตน์ยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุหมดทุกอย่าง แต่ทีแรกคิดว่าเขาเอาปืนแก๊ปมาหยอกเล่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นมีการแจ้งว่านายถนัดชัยผู้บาดเจ็บเสียชีวิตแล้ว ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.บ้านแพง ตรวจสอบข้อมูลกับทางโรงพยาบาลนครพนมได้ความว่านายถนัดชัยยังไม่เสียชีวิต แต่สับสนจึงมีการรายงานผลคลาดเคลื่อน

ส่วนมูลเหตุฆ่า 2 ศพในครั้งนี้ เกิดจากแรงกดดันของคนทั้งสองคือนายสำราญผู้ตายกับนายดอนมือปืน เดิมทั้งสองเช่าบ้านอยู่ติดกัน แต่ด้วยที่นายสำราญมีอาชีพขายส่งผักในตลาด โดยมีนายใจเพชรเป็นลูกน้อง ขณะที่นายดอนขายลูกชิ้นปลาระเบิด ดังนั้นการพักผ่อนหลับนอนของสองครอบครัวนี้จะไม่ตรงกัน กล่าวคือนายสำราญจะต้องไปรับผักจากตลาดมาไว้ที่บ้าน จึงมีรถเข้า-ออกตั้งแต่กลางดึกจนกระทั่งรุ่งเช้า ทำให้นายดอนนอนไม่หลับ จึงได้พูดคุยกับนายสำราญให้เบาๆเสียงลงหน่อย ตรงนี้นี่เองที่ทั้งสองมีปากเสียงกัน ก่อนที่นายดอนจะย้ายมาอยู่บ้านเช่าฝั่งตรงข้าม แต่ก็ระหองระแหกันเรื่อยมาเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนเศษ กระทั่งระเบิดเวลามาแตกในคืนวันลอยกระทง

ด้านศพของผู้ตายทั้งสอง ญาติได้ขอนำศพนายใจเพชรกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดจังหวัดอุบลฯ ส่วนศพของนายสำราญตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดป่าโนนแพง หมู่ 5 ต.บ้านแพง และจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพในบ่ายของวันนี้(1 พย.) โดยวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้อย่างแน่นหนา เกรงญาติของผู้ตายจะเข้ารุมประชาทัณฑ์นั่นเอง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน