X

ญาติหนุ่มคลั่งติดใจ งัดคลิปเถียงพร้อมภาพก่อนปลิดชีพ ถามทำเกินกว่าเหตุไหม

นครพนม – “มวยพลิก” ญาติหนุ่มคลั่งติดใจ งัดคลิปเถียงพร้อมภาพก่อนปลิดชีพ ถามทำเกินกว่าเหตุไหม ร้องขอความเป็นธรรม  ตำรวจจ่อยิงคนหมดทางสู้

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2563  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุ ร.ต.ท.วิจิตร บางปลา รองสารวัตรงานป้องกันและปราบปราม สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เป็นหัวหน้าชุดสายตรวจประจำหมู่บ้าน เข้าระงับเหตุ นายลำเพย  จำปา อายุ 48 ปี มีอาการเมาคลุ้มคลั่งภายในบ้านเลขที่ 274 หมู่ 1 บ้านค้อ ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม  เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 โดยใช้อาวุธมีดเข้าทำร้ายร่างกาย ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ และมีการต่อสู้ กระทั่งมีเสียงปืนดังขึ้นขณะชุลมุน ทำให้นายลำเพยถูกยิงเสียอยู่ในที่เกิดเหตุ  ภายหลังทาง พ.ต.อ.กวีศักดิ์ สุขบาง ผกก.สภ.โพนสวรรค์ ได้รับรายงาน จึงประสานงานพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน อัยการจังหวัด พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลอำเภอโพนสวรรค์ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบชันสูตร เก็บหลักฐาน และช่วยเหลือตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม ล่าสุดอาการปลอดภัย โดยมีบาดแผล ถูกอาวุธมีดฟันที่ศีรษะ และตามแขน  ส่วนศพผู้เสียชีวิต ทางตำรวจจะได้เตรียมส่งไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น เพื่อชันสูตรหาสาเหตุโดยละเอียดประกอบการดำเนินคดี

ล่าสุด นางทองคำ เคนโสม อายุ 56 ปี  พี่สาวของผู้ตาย พร้อมด้วยหลานสาว คือ นางสาวโยธกา จันทองหลาง อายุ 30 ปี  นางสาวชไมพร  จำปา  อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นคนที่บันทึกคลิปเหตุการณ์  ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมนำคลิปหลักฐาน ที่บันทึกช่วงเกิดเหตุออกมาโพสต์ เนื่องจากติดใจการทำงานของตำรวจ ระบุว่ากระทำเกินกว่าเหตุ เพราะผู้ตายหมดทางสู้ แต่ถูกตำรวจจ่อยิงซ้ำจนเสียชีวิต  ในคลิปดังกล่าวมีภาพการกระทำของตำรวจขณะจ่อยิงคนตายออกมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊คเพื่อยืนยัน และให้ตำรวจแสดงความรับผิดชอบ

นางทองคำ เคนโสม อายุ 56 ปี  พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยว่าตนยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  โดยน้องชาย มีอาชีพทำนา รับจ้าง แต่ชอบดื่มสุราเป็นอาจิณ ยอมรับเคยมีประวัติเสพยาเสพติด เมื่อหลายปีแล้ว เคยถูกจับคดีเสพนานกว่า 10 ปี  แต่พักหลังจะหันมาดื่มเหล้า มีอาการคลุ้มคลั่งบ้างหากขอเงินไม่ได้ เพราะผู้ตายหย่าร้องกับเมีย มีลูกชาย 1 คน อายุ 15 ปี ตนเป็นคนดูแลหลาน ตามสภาพ ซึ่งผู้ตายจะไม่เคยทำร้ายใคร เพียงแต่โวยวาย ได้เงินแล้วก็ไป ช่วงเกิดเหตุตนเป็นคนโทรบอกตำรวจคู่กรณี เพราะเคยมาระงับเหตุเมื่อหลายเดือนก่อร เพราะเป็นคนในหมู่บ้าน ครั้งนี้ตนจึงโทรไปแจ้งให้มาตรวจสอบระงับเหตุ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้าย จนกระทั่งน้องชายมาเสียชีวิต เพราะตำรวจยิงตาย ตนติดใจมากเพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงหลานสาว ที่บันทึกคลิปเหตุการณ์ไว้ ตลอดจนญาติพี่น้องก็รู้สึกเสียใจ แต่อยากให้หน่วยงานตำรวจออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะมันเกินกว่าเหตุ หลังมาระงับเหตุ น้องชายใช้อาวุธมีดฟันตำรวจ เพราะมีการทำร้ายร่างกายกันก่อน จากนั้นตำรวจยิงเข้าที่หน้าแข้งซ้ายจนหมดแรงทรุดลง แต่ตำรวจยังยิงซ้ำอีก ตนถือว่ารุนแรงเกินไป เรื่องนี้อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม

ด้าน นายพฤษภา  จันทองหลาง อายุ 27 ปี หลานชายที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าช่วงเกิดเหตุผู้ตายมีศักดิ์เป็นน้าของตน เข้ามาโวยวายในบ้านตามที่เคยเป็น เพราะขอเงินจากแม่ของตนไม่ได้ จากนั้นได้จับอาวุธมีด ออกมาเดินวนไปมาตามบ้าน ทางแม่ของตนจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ  พอถึงที่เกิดเหตุ ผู้ตายกำลังจะขับรถจักรยานยนต์หนีออกไป แต่ตำรวจคนที่ยิงมาคนเดียว และกระโดดถีบรถจักรยานยนต์ผู้ตายเสียหลักล้มลง ทำให้ผู้ตายไม่พอใจและมีการพยายามทำร้ายร่างกายชกต่อยกันบนถนนคอนกรีตหน้าบ้าน จากนั้นผู้ตายได้ใช้อาวุธมีดฟันตำรวจ ขณะเสียหลักล้มจนได้รับบาดเจ็บ พอตำรวจตั้งตัวได้ จึงยิงไปที่ขาจนผู้ตายทรุดลงกับพื้น ตนพยายามเข้าไปห้ามตำรวจ และขอร้องให้หยุดยิง เพราะเห็นว่าผู้ตายหมดแรง จึงเข้าไปชิงมีดออกมาโยนทิ้ง สุดท้ายไม่คาดคิดว่า ตำรวจ จะมาจับมีดเดินเข้าไป และเตะไปที่ใบหน้าผู้ตาย 1 ครั้ง ผู้ตายพยายามโผเข้ากอดตำรวจ จนกระทั่งตำรวจชักปืนจ่อยิงเข้าลำตัวอีก 2 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงคลิปเหตุการณ์ ที่หลานสาวอีกคนบันทึกได้ ยอมรับว่ามันรุนแรง เกินกว่าเหตุ ตนพยายามห้ามร้องขอชีวิต จากตำรวจว่าหยุดยิง แต่สุดท้ายไม่เป็นผล อย่างไรก็ตามอยากให้ตำรวจรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่ยิงซ้ำคงไม่ตาย  ส่วนความผิดดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง

พ.ต.อ.พลาเดช  เพ็ชรหว้าโง๊ะ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้ลงพื้นที่ตรวจสอบ ให้กำลังใจตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมเหตุ ช่วงเกิดเหตุ และถูกทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นจะต้องรอการสอบสวนตามขั้นตอน เกี่ยวกับการดำเนินคดี จะต้องรอผลการชันสูตร รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นญาติติดใจ จะต้องรอขั้นตอนของตำรวจและรอทางญาติมาแจ้งความ ทางตำรวจยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย  ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางตำรวจได้ประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองพิสูจน์หลักฐาน อัยจังหวัด แพทย์เวรชันสูตร รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ในรูปแบบคดีวิสามัญ ส่วนขั้นตอนการดำเนินการ จะต้องรอการสอบสวน รวมถึงการดำเนินคดี ทั้งการแจ้งความเอาผิดทั้งผู้ตาย รวมถึงผู้ก่อเหตุ ไปจนถึง การตั้งคณะกรรมการสอบสวน จะต้องรอขั้นตอนต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน