X

“ฟังจากปาก”เศรษฐีพันล้าน จบแค่ชั้น ป.5 สู้ชีวิตจนเป็นเจ้าของโรงงานมะพร้าวรายใหญ่ของไทย

นครพนม – “ฟังจากปาก”เศรษฐีพันล้าน จบแค่ชั้น ป.5 สู้ชีวิตจนเป็นเจ้าของโรงงานมะพร้าวรายใหญ่ของไทย พร้อมช่วยเกษตรกรนครพนม พ้นจากความยากจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดนครพนมเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน)อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 เป็นต้นมา ถือเป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งด้านการค้า และการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากประเทศไทย ลาว เวียดนามและตอนใต้ของประเทศจีน สามารถทำเงินเข้าประเทศปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 1 แสน 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าด้านการเกษตร มีผู้ประกอบการผลไม้ เช่น ทุเรียน ขนุน มะม่วง ลำไย ฯลฯ ใช้สะพานแห่งนี้ส่งออกมากถึง 5 หมื่นล้านบาท นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดนครพนมยิ่งนัก

กระทั่งต้นปี 2563 นายชาตรี จันทร์วีระชัย ย้ายมาดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ทราบประวัติรอง ผวจ.ฯคนนี้ ว่า ระหว่างเป็นนายอำเภอ และปลัดจังหวัด อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง และ ภาคใต้ มีประสบการณ์ด้านการเกษตร สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนเกษตรกรสำเร็จมาแล้ว จึงมอบหมายความรับผิดชอบ ลงพื้นที่พบประชาชนทุกอำเภอ หาสาเหตุว่าทำไมเกษตรกรยังยากจนอยู่ และนำสิ่งที่พบเจอมารายงานเพื่อหาช่องทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
รอง ผวจ.ฯ รายงานผลว่าเกษตรกรในจังหวัดส่วนใหญ่ ยังยึดอาชีพบรรพบุรุษคือทำนา แม้จะรู้ว่าขาดทุนก็ยังทำทุกปี หลังเสร็จฤดูเก็บเกี่ยวมักจะปล่อยพื้นที่ว่างเปล่า ทั้งที่มีน้ำอันเป็นปัจจัยสำคัญทางการเกษตรอยู่อย่างมหาศาล ต่างกับจังหวัดทางภาคกลาง หรือภาคใต้ ที่ขาดแคลนน้ำ บางส่วนหันมาทำสวนยางพาราก็ราคาตกต่ำ มีบ้างที่ปลูกพืชเศรษฐกิจเช่น ลิ้นจี่ แตงโม ข้าวโพดหวาน มะเขือเทศ พืชผักสวนครัว แต่ก็ไม่มีใครเป็นผู้นำที่จะหาหนทางขยายตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศ ภาพรวมเกษตรกรชาวจังหวัดนครพนม ไม่เคยได้ประโยชน์จากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ในการส่งออกสินค้าทางการเกษตรแม้แต่บาทเดียว มีแต่คนจากภาคใต้ กลาง และภาคเหนือ ส่งสินค้าทางการเกษตรข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขนเงินกลับบ้านเกิดตัวเอง สร้างความมั่งคั่งอย่างมากมาย แต่ชาวนครพนมยังยากจนเหมือนเดิม

หลังทราบปัญหา ผวจ.นครพนม สั่งให้นายชาตรีฯเป็นหัวหอกในการเดินหน้า นำพาเกษตรกรจังหวัดนครพนม พ้นจากความยากจน จึงร่วมกับหอการค้าจังหวัดนครพนม ประกอบด้วย นายมานพ เหมพลชม รองประธานหอฯด้านเขตเศรษฐกิจพิเศษ นายสมหมาย ศรีจันทร์ รองประธานหอฯฝ่ายการเกษตร นางรัชนก เหมพลชม รองประธานฯฝ่ายการท่องเที่ยว และ นายสมพงษ์ ชัยยิ้ม ที่ปรึกษา เดินทางไปศึกษาดูงานทางการเกษตรที่จังหวัดราชบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นางสาวจินตนา ชิ้นปิ่นเกลียว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม และ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี เป็นผู้พาไปพบกับเกษตรกรที่เคยประสบปัญหาความยากจน ปัจจุบันพลิกสถานการณ์มาเป็นเศรษฐี ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำเกษตรจากที่เคยทำนาเพียงอย่างเดียว หันมาปลูกพืชผักและสวนผลไม้ที่ตลาดต้องการ

คณะศึกษาดูงานเดินทางไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ตั้งโรงานนิลทองแท้โคโคนัทจำกัด หมู่ 3 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก มี นายสายชล จ้อยร่อย อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของ ผู้รับซื้อมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของประเทศ และส่งออกมะพร้าวขาวมากที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีสวนมะพร้าวกว่า 3,000 ไร่ และมีชาวสวนมะพร้าวจำนวนมากขายผลผลิตเพื่อนำมาทำมะพร้าวขาวส่งโรงงานผลิตน้ำกะทิบรรจุกล่อง

นายสายชลเปิดเผยว่าเติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจน เรียนจบแค่ชั้น ป.5 จำต้องออกกลางคันเพราะต้องหาเงินเลี้ยงพ่อแม่ รับจ้างทำงานสารพัด ยกเว้นไม่ได้ลงเรือตังเกเท่านั้น ส่วนมากเป็นงานก่อสร้างได้ค่าแรงแค่ร้อยกว่าบาท แต่ภายหลังก็เปลี่ยนอาชีพใหม่ เพราะเห็นว่าทำให้ตายก็เป็นได้แค่ลูกจ้าง จึงดิ้นรนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ เริ่มหันมารับซื้อมะพร้าวส่งโรงงาน ขณะนั้นยังไม่มีรถยนต์จึงอาศัยเหมารถเพื่อนบ้านไปส่งให้ กระทั่งมาพบกับผู้ใจบุญที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตมะพร้าวส่งออกต่างประเทศ ซื้อรถยนต์กระบะให้ผ่อนโดยไม่คิดดอกเบี้ยขนมะพร้าวมาส่งโรงงานที่จังหวัดราชบุรี จึงลืมตาอ้าปากได้

ต่อมาตนชักชวนเพื่อนบ้านหันมาปลูกมะพร้าวเป็นอาชีพหลัก ส่วนใหญ่ไม่เชื่อเพราะเห็นตนเรียนน้อยไม่มีความรู้ คนที่เห็นด้วยก็ทดลองปลูกทีละไร่สองไร่ ภายหลังกิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตนก็กว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกมะพร้าวจากสิบไร่กลายมาเป็นร้อยไร่และพันไร่ในเวลาต่อมา พร้อมตั้งโรงงานเป็นของตัวเองบนเนื้อที่เกือบ 1 พันไร่ คนที่เคยดูถูกก็กลับมาปลูกมะพร้าวส่งโรงงานให้ตน
“เดิมพื้นที่บริเวณที่ตั้งโรงงานห่างไกลชุมชน ถนนหนทางลำบากรถยนต์เข้าไม่ถึง น้ำไฟไม่มี แต่ไม่ใช่อุปสรรค ผมค่อยๆขยายถนนเทคอนกรีตและลากสายไฟฟ้ามาด้วยทุนทรัพย์ตัวเอง เดี๋ยวนี้น้ำไหลไฟสว่างหมดแล้ว และสร้างงานสร้างอาชีพคนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนมากครับ” นายสายชล กล่าว

นอกจากนี้นายสายชลยังเล่าว่า มีที่ดินเป็นเนินสูง เจ้าของเดิมปลูกอะไรก็ไม่ได้ผล ตนเห็นถูกปล่อยรกร้างเพราะเป็นดินลูกรังจึงติดต่อขอซื้อจำนวน 250 ไร่ เริ่มบุกเบิกลงมะพร้าวพันธุ์ชุมพร 2 คนผ่านไปมาต่างบอกว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่ปลูกมะพร้าวบนที่สูงแถมเป็นดินลูกรังอีก ตนไม่สนใจคำพูดเดินหน้าปรับดินให้เป็นคล้ายขั้นบันได ใช้รถแบคโฮขุดเป็นหลุมสำหรับเก็บน้ำใกล้ๆกับต้นมะพร้าว เมื่อฝนตกลงมาก็จะเก็บกักน้ำไว้ในหลุม เป็นการชะลอน้ำไม่ให้ไหลลงที่ต่ำหมด ขณะเดียวกันตนก็ขุดสระน้ำไว้ด้านพื้นราบ เพื่อรองรับนำที่ไหลมาจากเนิน วางท่อพีวีซีพาดผ่านต้นมะพร้าวทุกต้น ถ้าไม่มีฝนตกลงมาก็สูบน้ำจากสระมารดต้นมะพร้าว
“วันนี้มะพร้าวของคนบ้าอย่างผม งอกงามผลิใบสีเขียวชอุ่ม ใช้เวลาเพียงสองปีเศษก็ออกผลแล้ว ดังนั้นทฤษฏีเก่าๆใช้ไม่ได้แล้ว เราต้องคิดใหม่ทำใหม่ และมะพร้าวสามารถออกผลได้ทุกสถานที่ ขึ้นอยู่ที่เราว่าใส่ใจกับเขามากน้อยแค่ไหน”

ซึ่งนายสายชลเศรษฐีพันล้าน จบแค่ชั้น ป.5 รับปากกับคณะรอง ผวจ.นครพนม พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรผู้สนใจชาวจังหวัดนครพนม และจะเดินทางมาเป็นวิทยากรให้ถึงที่ หากเกษตรกรสามารถปลูกได้ ถ้าไม่มีแหล่งรับซื้อตนจะขอซื้อเองทั้งหมด เพราะทุกวันนี้มะพร้าวในเมืองไทยขาดแคลนมาก ต้องหันไปซื้อมะพร้าวมาจากประเทศอินโดนีเซียมาป้อนโรงงาน และตนเพิ่งไปปลูกมะพร้าวประมาณร้อยกว่าไร่ ให้พี่เขยที่จังหวัดอุบลราชธานี ยืนยันว่าพื้นที่อีสานมีความพร้อมทุกอย่างทั้งน้ำและดิน ขาดเพียงแต่เกษตรกรจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชแบบเดิมๆ หรือไม่เท่านั้น

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน