“เข้มทุกอณู” พรมแดนไทยลาวนครพนม คัดกรองผู้โดยสารขาเข้า

นครพนม – “เข้มทุกอณู” พรมแดนไทยลาวนครพนม คัดกรองผู้โดยสารขาเข้า ล่ามือคีย์บอร์ดแพร่ข่าวเท็จ โรคโควิด 19

วันที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 10.30 น. บริเวณจุดปฏิบัติการการเฝ้าระวัง(คัดกรอง)โรคไวรัสโคโรนา 2019 “COVID-19″ หรือ “โรคไวรัสโคโรนา-19”  ทีมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนครพนม โดยนางสุพิชญ์นันท์ อนุวรรณ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 ฝั่งขาเข้าประเทศไทย ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม ได้บูรณาการร่วมกันปฏิบัติภารกิจคัดกรองผู้โดยสารฯ ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนครพนม (ตม.ฯ) เข้มงวดในการตรวจคัดกรอง ด้วยการแนะนำผู้โดยสารเดินทางเข้าประเทศไทย ปฏิบัติตัวให้ห่างไกลโรคโควิค 19 พร้อมแจกเอกสารวิธีป้องกันอย่างชัดเจน  ซึ่งถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยที่ต้องดำเนินการสอบสวนโรค (Patients under investigated: PUI)

เช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลนครพนม ก็เข้มงวดในจุดคัดกรอง โดยผู้ป่วยหรือญาติที่จะเข้าไปตรวจในอาคารใหญ่ ต้องผ่านการตรวจอุณหภูมิในร่างกาย พร้อมสอบถามผู้ป่วยว่ามีอาการใดจึงมาพบแพทย์ หากป่วยด้วยไข้หวัดจะถูกแยกไปยังอีกจุดหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน

ทางด้าน นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม(สสจ.ฯ) เปิดเผยว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการเตรียมฝึกซ้อมแผนตอบโต้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อม กรณีหากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีการระบาดเข้าสู่ระยะที่ ๓ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์คำแนะนำสำหรับประชาชนในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย และประเทศที่มีการระบาดต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019๙ ทั้งในหน่วยงานราชการ และประชาชนทั่วไป รวมถึงการเพิ่มมาตรการในการคัดกรองผู้โดยสารเข้า-ออกจังหวัดนครพนม

อนึ่ง ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม (ศปก.นพ.) ครั้งที่ 58/2563  นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ร่วมประชุมฯ และรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 “COVID-19” (Coronavirus disease that was discovered in 2019) หรือ “โรคไวรัสโคโรนา-19” ให้ที่ประชุมทราบ

ทั้งนี้นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามตรวจสอบผู้ที่แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  “COVID-19” ใน Social Media ในกรณีนำเข้าข้อมูลปลอม ข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ และเผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลเท็จ ผู้กระทำมีสิทธิ์เข้าค่ายความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ม.14 (1) และ (5) โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวผู้เผยแพร่ข่าวลวงลงในสื่อโซเซียล จนทำให้จังหวัดนครพนมได้รับความเสียหาย ซึ่งถึงขณะนี้พบคนไทยเดินทางมาจากท่องเที่ยวในประเทศเสี่ยง และได้กักตัวเองอยู่ในบ้านพักตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งในการตรวจคัดกรองเบื้องต้นไม่พบไข้แต่อย่างใด แต่ยังติดตามเฝ้าระวังตลอดเวลา โดยผู้เผยแพร่ข่าวเท็จแค่ทราบข่าวว่ามาจากประเทศเสี่ยงก็ตื่นตระหนก ลงในโซเซียลโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา