X

ด่วน!! จังหวัดนครพนม เสนอ เพิกถอนที่ดินบ้านห้วยพระ 47 แปลง พร้อมส่งเรื่องให้อธิบดีกรมที่ดินลงดาบแล้ว

นครพนม – คืบหน้า กรณีนายทุนได้ออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินสาธารณะประโยชน์ ประกอบด้วยทำเลเลี้ยงสัตว์ ลำห้วย และยึดครองที่ดินของชาวบ้านหมู่ที่ 9 หมู่ที่ 14 บ้านห้วยพระ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม จำนวนหลายพันไร่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี เปลี่ยนนายอำเภอมาแล้วร่วมสิบคน แต่ทุกอย่างไม่กระเตื้อง  จึงสร้างความฮึกเหิมให้นายทุน โดยมีคนของรัฐคอยอำนวยความสะดวก  จนที่ดินสาธารณะประโยชน์ กลายเป็นที่ดินมีโฉนดระบุชื่อผู้ครอบครองเป็นนายทุน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ กทม.เกือบหมดทั้งหมู่บ้าน  และรวมที่ดินชาวบ้านอีกบางส่วน รวมแล้วนายทุนรายนี้มีที่ดินมากเกือบ 3,000 ไร่

ล่าสุด จังหวัดนครพนมได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2562 โดยนายพงษ์ภาณุ พิมลภัทรกุล เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ถึงอธิบดีกรมที่ดิน เรื่องเร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินทับที่ดินทำกินราษฎรบ้านห้วยพระและที่สาธารณประโยชน์

ซึ่งก่อนหน้านี้กรมที่ดินมีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ให้เร่งรัดผลการตรวจสอบใบจองที่นายทุนนำมาออกเป็น น.ส.3 ก. ซึ่งเป็นหลักฐานเดิมของโฉนดที่ดินของบริษัทเกษตรปิยมิตร และบริษัทพฤกษาอีสาน และออกเป็น น.ส.3 ก. ในนามบริษัทเกษตรปิยมิตร รวม 1,621 ไร่เศษ นั้น ฝ่าฝืนระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ.2498 หรือไม่

ซึ่งหากข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ขอจับจองมีที่ดินอยู่แล้วเป็นจำนวนมากก็ต้องถือว่าขาดคุณสมบัติในการจับจองฯ ซึ่งทำให้การออกใบจองไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นผลให้โฉนดที่ดินและ น.ส.3 ก. ดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย ขอให้จังหวัดนครพนมดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติเพื่อดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ต่อไป

โดยจังหวัดนครพนมใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงถึง 5 เดือนเต็ม​ (ไม่รวมก่อนหน้านี้อีกกว่า 2 ปี)  จึงมีหนังสือตอบกลับกรมที่ดิน ว่า พบโฉนดที่ดินและ น.ส.3 ก. จำนวนมากออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากใบจองที่นำมาเป็นหลักฐานในการออก น.ส.3 ก. ซึ่งเป็นหลักฐานเดิมของโฉนดที่ดินได้ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นผลให้โฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก. ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย เห็นควรดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินฯ

ซึ่งทางสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม มีความเห็นว่าโฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก. ที่สั่งเพิกถอนนั้น แม้ไม่มีพื้นที่ติดต่อเขตป่าสงวนฯ เขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฯลฯ แต่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินฯ (ส.ป.ก.) ประกอบกับชื่อผู้ครอบครองที่ดิน จำนวน 8 คน  มีที่ดินอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก ถือว่าขาดคุณสมบัติในการจับจองที่ดินฯ ดังนั้นการออกใบจองแก่บุคคลทั้ง 8 คน จำนวน 47 แปลง เป็นการฝ่าฝืนระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน พ.ศ.2498 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายมาตรา 33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

ซึ่งล่าสุด วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายเรืองชัย วงศ์อุระ นายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนายชา ตามขมิ้น เดินทางไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เพื่อสอบถาม นายชัยนันท์ กั้นชัยภูมิ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดฯ สาขาท่าอุเทน ถึงขั้นตอนในการดำเนินการก็ได้รับการชี้แจงว่าหนังสือสั่งเพิกถอนของจังหวัดนครพนมส่งไปยังกรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ต้องรอว่าอธิบดีกรมที่ดินจะตอบกลับมาอย่างไร ซึ่งขณะนี้ผู้ครอบครองยังคงใช้ประโยชน์ในที่ดินผืนดังกล่าวได้ตามปกติ จนกว่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งจากกรมที่ดิน

โดยมหากาพย์เรื่องนี้ ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531เริ่มจากคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ได้อนุมัติโครงการจัดที่ดินเพื่อให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัย หรือประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพตามควรแก่อัตภาพ  ซึ่งจังหวัดนครพนมเสนอท้องที่บ้านห้วยพระ หมู่ 9 เป็นพื้นที่จะจัดให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยฯ ปรากฏว่าในปีดังกล่าวอดีตนายอำเภอท่าอุเทน ไม่ยอมปิดประกาศให้ประชาชนทราบ แต่กลับมีชื่อบุคคลนอกพื้นที่เข้ามาจับจอง โดยมีอดีตกำนันตำบลท่าจำปา และอดีตเจ้าพนักงานที่ดิน ในฐานะเจ้าหน้าที่ในการจัดที่ดินลงชื่อรับรองเป็นพยาน กระทั่งตั้งเป็นขบวนการใหญ่มีทั้งนายอำเภอ ปลัดอำเภอฯ และเจ้าพนักงานที่ดิน เป็นผู้อำนวยความสะดวกแก่นายทุน และลุกลามรุกที่ดินสาธารณประโยชน์และที่ดินทำกินของชาวบ้าน จนสามารถออกเป็นโฉนด และนายทุนก็ฟ้องขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ เหตุที่ชาวบ้านเจ้าของที่เดิมแพ้คดีในศาล เพราะมีเจ้าพนักงานที่ดินไปเป็นพยานให้ฝ่ายนายทุนว่าใบโฉนดนั้นออกโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ชาวบ้านห้วยพระก็ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมมาทุกยุคทุกสมัย แต่ไร้การเหลียวแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทั่งเดือนพฤษภาคม  2562 นายทุนได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน เพื่อขอรังวัดสอบเขตโฉนด จำนวน 14 แปลง ชาวบ้านจึงรวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อคัดค้านไม่ยอมรับโฉนดที่ดินทั้ง 14 แปลง เนื่องจากออกโฉนดทับที่สาธารณประโยชน์ และที่ดินทำกินของชาวบ้าน ประกอบกับมีความไม่ชอบมาพากล เพราะแนวเขตที่นายทุนอ้างขอสอบเขตรังวัดนั้น มีการปักหมุดโฉนดรอไว้ล่วงหน้า นายมานิต มีใหญ่ หัวหน้าฝ่ายรังวัดฯ จึงแจ้งแก่ลูกน้องของนายทุนที่เป็นตัวแทนในการออกสอบเขตว่า ไม่ยอมรับหลักหมุดที่ปักทั้งหมด ในขณะที่นายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ในฐานะตัวแทนนายอำเภอท่าอุเทน ก็ได้ลงชื่อคัดค้านทั้ง 14 แปลง พร้อมเดินหน้ายื่นหนังสือร้องเรียนทุกหน่วยงานอีกครั้ง

ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2562 คณะกรรมการสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ได้ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ตอนบน) จังหวัดนครพนม เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นำโดย พลโท จเรศักณิ์ อานุภาพ ในฐานะรองประธานกรรมการคนที่ 1 พร้อมด้วยคณะกรรมการฯชุดใหญ่ ขณะเดียวกัน รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ในฐานะประธานกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ได้นัดหมายกับชาวบ้านห้วยพระ หมู่ที่ 9 และหมู่ 14 ต.ท่าจำปา ที่ถูกนายทุนบุกรุกที่ดินทำกินและสาธารณประโยชน์เข้าพบ เพื่อสอบถามรายละเอียด โดยมี นายเชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ นายวีระศักดิ์ ภูครองหิน นายสัญชัย จุลมนต์ และนายคำนูณ สิทธิสมาน เข้ารับฟังการชี้แจง และรับเรื่องดังกล่าวไว้ พร้อมให้ความมั่นใจแก่ชาวบ้านห้วยพระว่า จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด

และวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ชาวบ้านห้วยพระได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ศึกษาจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ที่ห้องประชุมศรีวรขาน ชั้น 5 อาคารสำนักงานเทศบาลเมืองนครพนม คราวสัญจรลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งหลังนายไชยารับหนังสือร้องเรียนก็มอบให้นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รับไปพิจารณาตามความเป็นจริง

ต่อมา บริษัทเกษตรปิยมิตรจำกัด โดยนายวิศิษฐ์ จิรภิวงศ์ กรรมการ ได้ยื่นฟ้องศาลจังหวัดนครพนม  กล่าวหานายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 พร้อมพวกรวม 7 คน บุกรุกที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะพากันระวังและชี้แนวเขตที่สาธารณะ ตามอำนาจหน้าที่แต่กลับมาถูกฟ้อง จึงลงขันรวบรวมเงินจำนวนหนึ่ง แต่งตั้งทนายฟ้องกลับบริษัทในข้อหาฟ้องเท็จ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล จังหวัดนครพนม

และเมื่อทนายความฝ่ายชาวบ้านได้ล้วงลึกลงไปก็พบความฉ้อฉลของอดีตเจ้าพนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน อดีตปลัดอำเภอฯ และอดีตนายอำเภอท่าอุเทน ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ อาจจะร่วมกันทำเอกสารเท็จ และปลอมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการจับจองที่ดิน โดยไม่ชอบด้วยระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน อันเป็นที่มาของการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินใน ต.ท่าจำปา ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทับที่ดินสาธารณประโยชน์ สำหรับพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน และทับที่ดินของราษฎรในบ้านห้วยพระ จึงยื่นฟ้องกราวรูดกว่า 20 คน ไม่เว้นแม้แต่นายทุนคนแรกที่เข้ามารุกที่ชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้ล้มป่วยและถูกญาตินำไปปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านพักคนชรา กทม. ที่จะต้องถูกหามมาขึ้นศาลด้วย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน