มหาสารคาม – พายุถล่มอ่างเก็บน้ำโคกก่อ หอบแพครึ่งร้อยเกยฝั่ง ร้านค้าพังนับสิบ แม่ค้าหนีตายโดนต้นไม้ทับดับ 1 ราย เจ็บ 4 ราย
เมื่อเวลา 14.00 น.(15 เมษายน 61) เกิดพายุพัดกระหน่ำใน 4 อำเภอของจังหวัดมหาสารคาม ประกอบด้วย อ.เมืองมหาสารคาม พยัคฆภูมิพิสัย แกดำ และอำเภอวาปีปทุม ส่งผลให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่บริเวณอ่างเก็บน้ำโคกก่อ ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ร้านค้า 19 ร้าน และแพร้านอาหารที่อยู่ริมอ่างเสียหายหนัก ถูกพายุพัดราบเป็นหน้ากลอง และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อภายหลังคือ นางยืน สาศิริ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 หมู่ 12 บ้านโคกก่อ ต.โคกก่อ อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นแม่ค้าขายอาหารที่อ่างเก็บน้ำโคกก่อ ถูกลมหมุนหอบตัวไปกระแทกกับต้นไม้เสียชีวิต
นางลัดดา ลิ้มเจริญ ชาวบ้านหมู่ 12 บ้านโคกก่อ เล่าว่า ในช่วงเกิดเหตุท้องฟ้ามืดครึ้ม มีลมพัดแรงนางยืนและหลาน ได้พากันวิ่งหลบพายุ โดยหลานชายวัย 3 ขวบ มีญาติวิ่งมารับตัวไปหลบพายุที่เพิงขายอาหารหลังหนึ่ง ส่วนตัวนางยืน คาดว่าจะถูกลมหอบไปกระแทกกับต้นไม้ และโต๊ะหินอ่อน หมดสติ เมื่อพายุสงบจึงมีคนไปพบ และเรียกรถพยาบาลไปรับ ปรากฏว่านางยืน คอหัก หลังหัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายสุมิตร นัดทะยาย ชาวบ้านโคกก่อ หมู่ 12 เล่าว่า ขณะเกิดเหตุฟ้ามืดไปหมด ลมแรงแบบลมหมุน มีฝนตกและลูกเห็บตก นักท่องเที่ยวเห็นว่ามีลมพัดแรงก็ทยอยกันกลับ เมื่อลมพายุมาพ่อค้าแม่ค้าต่างก็ร้องเรียกกันให้มาหลบอยู่ที่ร้านของตนซึ่งดูแข็งแรงที่สุด เมื่อพายุสงบก็พบร่างของนางยืน ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่อ่างเก็บน้ำโคกก่อแห่งนี้มีร้านค้าอยู่จำนวน 19 ร้าน แพพักนักท่องเที่ยวจำนวน 65 หลัง ซึ่งแรงพายุสร้างความเสียหายทั้งร้านค้าและแพพักเสียหายทั้งหมด ซึ่งตั้งแต่เกิดมาตนเองยังไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรรุนแรงเช่นนี้มาก่อน
ด้านนายอภิชัย จำปานิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ภายหลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ เบื้องต้นในรายของผู้เสียชีวิต ได้ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการให้ความช่วยเหลือ ตามระเบียบเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีฉุกเฉิน หากเป็นบุคคลธรรมดา รายละ 25,000 บาท แต่หากเป็นหัวหน้าครอบครัว จะได้เงินเพิ่มอีก 25,000 บาท รวม 50,000 บาท ซึ่งหากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีงบประมาณ ก็ทำเรื่องมายังจังหวัดเพื่อขออนุมัติเงินช่วยเหลือในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดได้
