นราธิวาส-ชัด!เดินทางจาก 6 จังหวัดสีแดงเข้มเข้านราธิวาส ต้องกักตัวที่ LQ เท่านั้น ส่วนกรณีเดินทางข้ามจังหวัดต้องรายงานตัวทุกครั้ง
นายมะยุรี เจะโซะ สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ตนเองขอเน้นย้ำกรณีเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลกจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยหากเดินทางมาจาก 6 จังหวัดสีแดงเข้ม “ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด” ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี และเชียงใหม่จะต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเพื่อเข้ากักตัว ณ สถานที่กักกัน Local Quarantine ของรัฐ โดยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก จะตั้งจุดตรวจ ณ สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก และสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งทุกคนจะต้องแสดงตั๋วโดยสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจเพื่อยืนยันความถูกต้องของการเดินทางจากต้นทางถึงปลายทาง จึงขอให้ทุกคนเก็บตั๋วโดยสารไว้แสดงกับเจ้าหน้าที่ และทุกคนต้องพร้อมเข้ากักตัวใน LQ ของรัฐเป็นระยะเวลา 14 วันทันทีที่มาถึง
นอกจากนี้กรณีเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่สนามบินนราธิวาสจะมีระบบคัดกรองเบื้องต้น เมื่อมาถึงอำเภอปลายทางต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอทันที
ส่วนผู้ที่เดินทางมาจาก 45 จังหวัดควบคุมสูงสุดและ 26 จังหวัดพื้นที่ควบคุม จะต้องเข้ารายงานตัวและตรวจประเมินจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขว่าจะต้องเข้ากักตัวที่ LQ หรือกับตัวที่บ้าน (HQ) หรือสังเกตอาการ โดยหากพิจารณาให้กักตัวที่บ้านแต่บ้านหลังนั้นไม่มีพื้นที่แยกกักเป็นสัดส่วนจะต้องเข้ากักตัวที่ LQ แทนการกักตัวที่ HQ
ส่วนกรณีเดินทางข้ามจังหวัดไปยังจังหวัดที่พบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้เป็นการเดินทางไปกลับภายใน 1-2 วัน ก็จำเป็นต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลกด้วยเช่นกัน เพราะการเดินทางระยะสั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้คือยะลา ปัตตานีและสงขลา ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงเป็นรายบุคคล
นอกจากนี้ขอให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันตรวจตราสอดส่องบุคคลที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายทั้งคนไทยในประเทศมาเลเซีย และบุคคลต่างสัญชาติ ที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่รายงานตัวและเข้ารับการกักตัว ณ สถานกักกัน LQ ของรัฐ ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทันที เพราะอาจเป็นบุคคลที่นำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในครอบครัวหรือชุมชนได้
ทั้งนี้กรณีเข้าพื้นที่แล้วปิดบังข้อมูล ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอรับทราบ หรือไม่ปฏิบัติตามแนวทางของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคมีโทษทั้งจำและปรับ
