ชวนทำความรู้จักกับยุค Metaverse ที่กำลังใกล้เข้ามาถึง เพราะวันที่โลกนี้ไม่ได้มีแค่ภพเดียว! แต่มึถึง 3 ภพ นั่นคือ Offline, Online, Virtual
เมื่ออนาคตวิ่งไล่คุณ (2)
Metaverse เป็นคำที่มาจากนิยาย Sci-Fi ถ้าเคยดูภาพยนตร์อย่าง The Matrix หรือ Ready Player One ก็อาจจะพอนึกภาพการผสมผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริงอย่างกลมกลืน
และแทรกซึมในทุกส่วนของชีวิตประจำวัน (ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร์)
ผมลองหลับตาจินตนาการ ไปถึงโลกยุคหน้า ซึ่งอาจจะมาในเวลาอันใกล้ เป็นโลกที่ผสมผสาน ระหว่าง Offline, Online และ Virtual
โลก Offline รู้อยู่แล้วคือโลกที่เราใช้ชีวิตปกติธรรมดาในปัจจุบัน เป็นโลกแห่งความเป็นจริง เจอหน้าเจอตา พูดจาทักทาย โอบกอดจับมือ
โลก Online คือตอนที่เราเล่น Facebook Instagram Twitter Youtube ฯลฯ โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นตัวเชื่อมเข้าสู่โลกออนไลน์ เป็นโลกเสมือนจริง คนที่เราพบอาจจะเป็นเขาที่เรารู้จักในโลกจริง หรือไม่ใช่ก็ได้
เช่น คนใน LINE ใช้ชื่อนี้ภาพนี้ เราก็นึกว่าคือคนนี้แน่นอน แต่ความจริงอาจไม่ใช่ เพราะเขาขโมยบัญชีมาปลอมเป็นคน ๆ นั้น กรณีนี้เสียเงิน เสียทอง เสียรู้ไปจำนวนไม่น้อย
หรือ Deep fake คือเห็นภาพเคลื่อนไหวคน ๆ นี้ที่เรารู้จัก พูดจา เคลื่อนไหว เหมือนคน ๆ นี้พูดจริง ๆ แต่ความเป็นจริงเจ้าตัวไม่รู้เรื่องเลย เป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำขึ้นมาเหมือนทั้งภาพ ทั้งเสียง เพราะ COPY จากของจริง
โลก Virtual ปัจจุบันเราต้องใส่หน้ากากครอบหัว เข้าไปอยู่ในโลกเสมือนที่คล้ายโลกแห่งความเป็นจริง สามารถเดินสัมผัส มองเห็น ได้ยินเสียง เหมือนเราเข้าไปอยู่ในสถานที่จำลองนั้นเลย ที่มีแล้วก็เช่น พิพิธภัณฑ์
คราวนี้โลกเมต้าเวิร์ส คือการรวมเอา 3 ภพนี้มารวมกันเป็นภพเดียว อย่างไร้รอยต่อ!
ตื่นเช้าขึ้นมาถามนาฬิกาได้ว่าตอนนี้ อุณหภูมิเท่าไหร่ ฝนตกไหม การจราจรบนถนนตอนนี้เป็นอย่างไร เปิดรายการ UbonLive ของสุชัยให้ดูหน่อย ภาพก็จะปรากฎขึ้นมาให้เห็นโดยไม่ต้องมีจอ
สั่งอาหารที่ร้านให้หน่อย 1 2 3 อย่างก็ว่าไป รายการจะไปปรากฎที่ร้านอาหารที่เราเลือกเช้านี้
ขณะล้างหน้าแปรงฟัน ก็ชมรายการที่ต้องการไปได้ด้วย ขึ้นรถไร้คนขับ มาจอดรอหน้าบ้านตามเวลาที่กำหนด
พอขึ้นรถก็เล่นเกม ในเกมสามารถช้อปปิ้งออนไลน์ไปได้ด้วย ในราคาที่ถูกเป็นพิเศษ มีโปรโมชั่นมากมาย หรือเลือกเป็นเกมที่มีข่าวสารบ้านเมืองอยู่ในเกม
แวะรับสินค้าที่ช้อปปิ้งระหว่างทางโดยไม่ต้องลงจากรถ เงินก็จ่ายด้วยเงินดิจิทัล ไม่ต้องเปิดบัญชี ไม่ต้องไปธนาคาร จ่ายง่ายเหมือนส่งสติ๊กเกอร์
โลกยุคหน้าไม่ต้องมีรัฐบาล มีเพียงหุ้นส่วนธุรกิจ การปกครองบ้านเมืองผ่านบล็อกเชน เป็นไปตามความต้องการประชาชนส่วนใหญ่ อย่างโกงไม่ได้
ผู้คนแทบจะไม่ป่วย เพราะเทคโนโลยีตรวจได้ถึงระดับเซลล์ วิเคราะห์ออกมาได้ว่าร่างกายเราเป็นธาตุไหน เหมาะกับอาหารอะไร แล้วกินตามความเหมาะสมของแต่ละคน ไม่แค่ 5 หมู่รวม ๆ หยาบ ๆ อย่างทุกวันนี้
ถึงร้านอาหารก็กินได้ทันทีตามสั่งล่วงหน้าไว้ ขึ้นรถอาจทำงานอีกบริษัทได้ในโลกออนไลน์ และเวอร์ชวล ทำบนรถเลย ถึงที่ทำงานก็ไปทำงานอีกบริษัท
เย็นไปดูคอนเสิร์ตจริง แต่อยากกลับก่อน ก็ดูผ่าน Virtual ได้ตลอดการเดินทาง ทั้งภาพและเสียงเสมือนจริง
กลับมาบ้านก่อนนอน ไปพบปะกับคนที่ชอบอะไรเหมือนกันใน Virtual สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนเครื่องประดับต่าง ๆ ได้ตามใจชอบแค่กดปุ่ม
แล้วนอนหลับอย่างสบายใจ สั่งให้ AI ปลุกในตอนเช้าด้วยเสียงอะไรก็ได้ที่ต้องการ
นี่เป็นจินตนาการที่ใครติดตามโลกเทคโนโลยีอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่า ไม่ไกลเกินจริงอีกต่อไปแล้ว
บางอย่างสามารถทำได้แล้วในรูปแบบที่อาจจะไม่ล้ำสมัยตามจินตนาการนัก
ตั้งแต่ตื่นจนกลับเข้านอนที่ผมจินตนาการไป สมาชิกเห็นอะไรบ้างครับ
ผมเห็นการหายไปของร้านอาหารแบบเดิม
การหายไปของวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์
การหายไปของรถโดยสาร
การหายไปของรถรับจ้างรวมถึงคนขับ
การหายไปของธนาคาร
การหายไปของรัฐบาล
การหายไปของเงินตราแบบเดิม
การหายไปของหมอ
การหายไปของสมาร์ทโฟน
ฯลฯ
อาจดูเหมือนสุดโต่งเกินไป ลองนึกถึงโทรเลข เพจเจอร์ ดูก็ได้ครับ มันยังมีอยู่ไหม หายไปในเวลาแค่ไม่กี่ปี
โดราเอม่อนมีของวิเศษดูตลก
คอปเตอร์ไม้ไผ่ ทุกวันนี้มีโดรน,
วุ้นแปลภาษา วันนี้มี Google Translate,
เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ทุกวันนี้เป็นจริงแล้ว,
เครื่องส่งเสียงระยะไกล ทุกวันนี้มีหลายรูปแบบ,
เครื่องฉายภาพ 3 มิติ ทุกวันนี้ก็มีแล้ว
โลกหมุนเร็วขึ้น คนควรเรียนรู้ศึกษาตามให้ทัน หากอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วสมาชิกรู้สึกว่า มันเยอะไปไหม เวอร์ไปไหม
ก็ขอจบด้วยคำของ Andy Grove ผู้บริหารรุ่นเก๋าของ Intel แล้วกันครับว่า
“Only the paranoid survive” (คนที่หวาดระแวงเท่านั้นถึงอยู่รอด)
สุชัย เจริญมุขยนันท
09-02-64
