อุบลราชธานี – เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี โครงการกินสบายใจ มูลนิธิสื่อสร้างสุข ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี และเกษตรกรอินทรีย์ในเครือข่าย จัดการประชุม“พัฒนารูปแบบและแนวทางการจัดซื้อผลผลิตอินทรีย์เข้าสู่องค์กร” ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรได้รู้จักการเตรียมความพร้อมและการควบคุมมาตรฐานผลผลิตอินทรีย์ ให้ตอบสนองนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรภาครัฐและเอกชน โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส.
โดยช่วงเช้าของการประชุมได้มีการจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและเกษตรกร ในหัวข้อ “รูปแบบและแนวทางการจัดซื้อผลผลิตอินทรีย์เข้าสู่องค์กร” ซึ่งได้รับเกียรติจากตัวแทนเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์,โรงพยาบาล 50 พรรษาฯ,โรงพยาบาลพระยุพราชเดชอุดม,โรงพยาบาลน้ำยืน และบริษัท โตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้
ไปรมาภรณ์ ประสานทอง โภชนากร กลุ่มโภชนาศาสตร์ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ กล่าวถึงการทำงานที่ผ่านระหว่างโรงพยาบาลกับเกษตรกรในการจัดซื้อผลผลิตอินทรีย์เข้าสู่องค์กรว่า ทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิฯได้มีการดำเนินงานตามนโยบายโรงพยาบาลอาหารปลอดภัย ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับเกษตรกรอินทรีย์ในเครือข่ายกลุ่ม PGS โรงพยาบาลสรรพสิทธิฯ โดยได้มีการวางแผนและหาแนวทางการทำงานร่วมกัน ซึ่งหลังจากมีการดำเนินงานร่วมกันระหว่างเครือข่ายทางโรงพยาบาลและเกษตรกรต้องปรับตัวเข้าหากันเป็นอย่างมาก
โดยปัญหาอุปสรรคที่พบของการทำงานครั้งนี้คือผลผลิตเกษตรอินทรีย์มีน้อย ไม่ได้ตามเป้าความต้องการ ซึ่งทางโรงพยาบาลสรรพสิทธิฯ ก็ได้มีการจัดการเกี่ยวกับรายการอาหารประจำวัน เพื่อให้สอดคล้องกับผลผลิตที่ได้จากเกษตรกร อย่างไรก็ตามการดำเนินงานครั้งนี้นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเพราะโรงพยาบาลและเกษตรกรมีส่วนร่วมช่วยให้ผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัยไร้สารเคมี
ด้าน ธัญลักษณ์ ภาษี นักโภชนาการ โรงพยาบาล 50 พรรษาฯ เปิดเผยถึงปัญหาอุปสรรคการทำงานระหว่างเครือข่ายว่า หลังจากมีการดำเนินงานร่วมกับเกษตรกรพบว่าปัญหาเรื่องผลผลิตไม่ตรงตามกับความต้องการของโรงพยาบาลนั้นเป็นปัญหาสำคัญที่โรงพยาบาลต้องเร่งแก้ไข ซึ่งการแก้ไขนั้นคือปรับรายการอาหารในแต่ละสัปดาห์และบริหารวัตถุดิบแต่ละวันให้สอดคล้องกันกับผลผลิตที่มีอยู่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการทำให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลได้รับอาหารที่สดใหม่และปลอดภัยตามนโยบาย
ถัดมาด้านตัวแทนจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม จิราวรรณ พิศชาติ เภสัชกรชำนาญการ เล่าถึงปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินงานว่า การสนับสนุนจากผู้บริหารและการร่วมมือร่วมใจทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลกับเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็งนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้นโยบายการทำงานอาหารปลอดภัยในโรงพยาบาลประสบความสำเร็จ ทั้งนี้อยากฝากให้ทุกโรงพยาบาลดำเนินงานอย่างตั้งใจทำงานยั่งยืนตั้งใจและต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายกลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ให้กว้างขว้างมากขึ้น
ส่วน อภิรินทร์ โมกขเวศ ตัวแทนจากภาคเอกชน บริษัท โตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด เปิดเผยถึงแนวคิดและการดำเนินงานโครงการอาหารกลางปลอดภัยของพนักงาน บริษัท โตโยต้าดีเยี่ยม จำกัด ว่า ที่มาของโครงการอาหารกลางปลอดภัยมาจากวิสัยทัศน์ผู้บริหารที่ต้องการอยากให้พนักงานในบริษัทได้บริโภคอาหารสะอาดและปลอดภัยดีต่อสุขภาพ ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือการคัดเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยเข้าสู่โครงการ โดยทางโตโยต้าดีเยี่ยมมีความประสงค์ที่จะสนับสนุนเกษตรกรและส่งเสริมผลผลิตเกษตรอินทรีย์ พร้อมมีความยินดีที่จะช่วยขับเคลื่อนส่งเสริมผลผลิตอินทรีย์ให้ไปถึงมือผู้บริโภคต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามจากการเสวนาครั้งนี้จะเห็นได้ว่าทุกองค์กรประสบปัญหาเช่นกันคือผลผลิตอินทรีย์ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้บางรายการขาดสต๊อกบางรายการพืชผักล้นสต๊อกเกินความจำเป็น ซึ่งจากปัญหานี้มีตัวแทนจากเครือข่ายเกษตรกรอินทรีย์ เปิดเผยว่า ผลผลิตอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผลผลิตไม่ได้มาตรฐานเช่น ศัตรูพืช ภัยพิบัติ สภาพอากาศ โดยปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบให้ผลผลิตอินทรีย์อาจมีความคลาดเคลื่อนไปบาง ทั้งนี้อยากให้ทุกองค์กรเข้าใจและช่วยกันหาแนวทางออกของปัญหานี้ร่วมกันต่อไป
ชิษณุพงศ์ สุนทรพาณิชย์ เรียบเรียง
