X

สภาทนายความฯ ยกทีมรับคำร้องรีสอร์ทเขาค้อ เพื่อยื่นมือช่วยหลังถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า 

เพชรบูรณ์-สภาทนายความฯ ยกทีมรับคำร้องรีสอร์ทเขาค้อ เพื่อยื่นมือช่วยหลังถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า 

วันที่ 3 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีรีสอร์ทรุกป่าสงวนฯเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ล่าสุดนายเสาวภักดิ์ สกุลโรมวิลาส อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมาย สภาทนายความแห่งประเทศไทย พร้อมทีมทนายความ และนายบัณฑิต ศรีวิไล ประธานสภาทนายความจังหวัดเพชรบูรณ์ ลงพื้นที่ที่วัดราชพฤกษ์ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อรับคำร้องจากผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าสงวนฯ ในพื้นที่ 4 ตำบลของอ.เขาค้อ จำนวนราว 60 กว่าราย หลังจากที่ร้องขอความช่วยเหลือ โดยผู้ถูกดำเนินคดีดังกล่าวได้รุดเข้าให้ข้อมูล พร้อมรายละเอียด โดยมีเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดเพชรบูรณ์ และสมาคมการท่องเที่ยวเพชรบูรณ์เป็นผู้ประสานงาน หลังเสร็จการรับคำร้องฯ แล้วคณะนายเสาวภักดิ์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ทในหลายจุด จากนั้นตั้งข้อสังเกตว่าบางรายไม่ถูกดำเนินคดี ทำไมเลือกปฏิบัติเหมือนจิ๊กซอว์เป็นฟันหลอ บางรายน่าดำเนินคดีแต่ไม่ถูกดำเนินคดี

นายบัณฑิต ศรีวิไล ประธานสภาทนายความจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นมีการจัดกลุ่มผู้ถูกดำเนินคดีเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีโดยคดีในชั้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา, กลุ่มคดีในชั้นอัยการ, กลุ่มคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล, กลุ่มที่ศาลมีการพิพากษาโดยรอการพิจารณาคดีอยู่ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าจะยังมีผู้ถูกดำเนินคดีที่เหลือทยอยเข้าขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม และคงไม่มีปัญหาซึ่งเชื่อว่าทางสภาทนายความฯ จะรับคำร้องทุกราย

นายบัณฑิตกล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่กลุ่มผู้ถูกดำเนินคดียื่นขอความช่วยเหลือช่วย ให้เหตุผลว่า ขาดความมั่นใจและไม่แน่ใจว่าทนายความในพื้นที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จึงขอให้สภาทนายความฯ ซึ่งมีความพร้อมในการประสานงานกับหน่วยราชการอื่นได้ดีกว่ายื่มมือเข้ามาช่วยเหลือ ส่วนกลุ่มผู้ถูกดำเนินคดีเหล่านี้ไม่ใช่รีสอร์ทหรือนายทุนรายใหญ่ เป็นเพียงผู้ซื้อที่ดินหรือกลุ่มอดีตข้าราชการที่เกษียณราชการแล้วนำเงินก้อนที่เก็บไว้มาซื้อที่ดินเพื่อทำรีสอร์ต และอีกส่วนเป็นทายาทหรือลูกหลาน รอส.ที่ซื้อที่ดินอีกแปลงและต้องถูกดำเนินคดี

นอกจากนี้นายบัณฑิตยังตอบข้อซักถามถึงการให้ความช่วยเหลือรีสอร์ทเหล่านี้ ไม่หวั่นถูกมองว่าเป็นช่วยนายทุนซึ่งไม่ใช่ผู้ยากไร้ว่า ถ้ารวยไม่ช่วยต้องไปว่าจ้างทนายความเอง ซึ่งในคำร้องได้มีแบบสอบถามอยู่แล้วว่า ผู้ถูกดำเนินคดีมีปัญหาอะไรและมีรายได้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าเป็นข้าราชการเกษียณและมีเงินก้อนหนึ่งมาลงทุน และรีสอร์ทที่ก่อสร้างก็ไม่ใช่รีสอร์ทใหญ่มีเพียงไม่กี่หลังและเพื่อการยังชีพเท่านั้น

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน