“สันติ” ชี้ประเทศไทย ประชากรลดต่ำกว่ามาตรฐานโลก ชงเป็นวาระแห่งชาติ เร่งสร้างจูงใจให้คนหนุ่มสาวปั๊มลูก

“สันติ”ชี้ประเทศไทย ประชากรลดต่ำกว่ามาตรฐานโลก ชงเป็นวาระแห่งชาติ เร่งสร้างจูงใจให้คนหนุ่มสาวปั๊มลูก

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธาณสุข (รมช.สธ.) ให้สัมภาษณ์ที่จ.เพชรบูรณ์ หลังประชุมมอบนโยบายและเสริมสร้างกำลังใจให้กับบุคลากรและภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อน ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เพื่อสานสัมพันธ์ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ว่า เรื่องการมีบุตรขณะนี้ประเทศไทยต่ำกว่ามาตรฐานถึง 30 กว่าเปอร์เซนต์ อันที่จริงตามมาตรฐานปีหนึ่งจะต้องมีเด็กเกิดใหม่ 800,000 คน แต่ขณะนี้เกิดเพียง 480,000 คน ซึ่งถือว่าต่ำมาก อีกไม่กี่สิบปีหากจะไม่แก้ไขเรื่องนี้ เราจะเกิดปัญหาที่แก้ไม่ได้

นายสันติกล่าวว่า ดังนั้นกระทรวง สธ.จะเร่งรัดพัฒนา สร้างแรงจูงใจ และแก้ปัญหาด้วยระบบเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้คุณหนุ่มสาวมีความมั่นใจในการมีบุตร ซึ่งจะมีมาตรการต่างๆ ที่กรมอนามัยจะเสนอไปยังรัฐบาลเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ

รมช.สธ กล่าวอีกว่า ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา การที่ประชากรของเราลดลงแบบนี้ ทำให้มองเห็นก็คือ ทุกครอบครัว ทุกโรงงาน ทุกอุตสาหกรรม เราจะต้องใช้แรงงานต่างชาติ ขณะนี้มีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานและอยู่ในประเทศไทยถึงราว 4 ล้านคน ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ทำให้การจ้างงานของต่างชาติต้องใช้เงินถึง 5 แสนล้านบาทต่อวัน รัฐบาลจึงให้ความสนใจในเรื่องนี้

“ฉะนั้นจึงต้องเร่งผลักดันให้มีการส่งเสริมการมีบุตร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแรงจูงใจ สร้างความมั่นใจให้คนหนุ่มสาวที่คิดจะมีบุตร แต่เกรงเรื่องสถานะเศรษฐกิจไม่เพียงพอและการเลี้ยงลูกอาจจะไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะฉะนั้นต้องผลักดันให้หน่วยงานเอกชนและของภาครัฐ มีสถานรับเลี้ยงเด็กในแต่ละระดับ”นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวอีกว่า ส่วนคนที่อยากมีบุตรและมีบุตรยากนั้น ทางกระทรวง สธ.ก็ตั้งใจจะช่วยเหลือสุภาพสตรีในการมีบุตร อย่างเช่นที่ จ.เพชรบูรณ์ ก็จะมีการเปิดคลีนิกส่งเสริมการมีบุตร แบบไม่คิดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการอีกด้วย

เมื่อถามว่าถือเป็นงานท้าทายของรัฐบาลหรือไม่ เพราะหลายประเทศไม่ประสบความสำเร็จทั้งที่พยายามเพิ่มประชากร รมช.สธ. กล่าวว่า รัฐบาลนี้มีความตั้งใจ แล้วก็เป็นห่วงเป็นใยเรื่องประชากรที่ลดลงเรื่อยๆ ส่วนหลายๆประเทศที่ไม่ประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่าง อาทิ สิงคโปร์ อาจเพราะมีแต่งานภาคอุตสาหกรรม แต่ของประเทศไทยมีทั้งภาคการเกษตร มีอะไรต่าง ๆ และก็ยังมีประชากรในชนบทมากมาย

“ฉะนั้นถ้าหากให้คนหนุ่มสาวมีความมั่นใจว่า ถ้าหากมีบุตรแล้วรัฐบาลจะช่วยเข้ามาดูแลข้อขัดข้องของเขา ไม่ว่าจะเป็นตอนตั้งครรภ์ ตอนคลอดที่ต้องใช้เงินพันเงินหมื่นนั้น ก็จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และเมื่อมีบุตรแล้วก็จะมีขวัญและกำลังใจ ส่วนค่าช่วยเลี้ยงดูจะกี่ปี เดี๋ยวรัฐบาลก็จะเรียกประชุมปรึกษาหารือกัน” รมช.สธ.กล่าว

ทั้งนี้สำหรับนโยบายส่งเสริมการมีบัตรแล้ว ยังมีนโยบายโครงการพระราชดำริด้านสาธารณสุข, การเข้าถึงบริการในเขตเมืองทั้งกรุงเทพฯและในภูมิทุกแห่ง, การช่วยบำบัดรักษาสุขภาพจิตกลุ่มผู้ติดยาเสพติด, การรักษามะเร็งครบวงจร, สร้างขวัญกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์, การแพทย์ปฐมภูมิ, สาธารณสุขชายแดนและพื้นที่เฉพาะ, สถานชีวาภิบาล, พัฒนา รพช.แม่ข่าย, ดิจิทัลสุขภาพ, เศรษฐกิจสุขภาพ, นักท่องเที่ยวปลอดภัย ที่กระทรวง สธ.เร่งขับเคลื่อน