X

ภรรยาแรงงานไทย เผยเพื่อนสามีเล่านาที ระเบิดถล่มแคมป์ในอิสราเอล วอนเร่งส่งศพกลับบ้าน (ชมคลิป)

เพชรบูรณ์-ภรรยาแรงงานไทย เผยนาทีพยายามติดต่อเพื่อนสามี หลังทราบว่าแคมป์คนงานไทยในอิสราเอลถูกระเบิดถล่ม วอนเร่งส่งศพสามีกลับบ้าน-ครอบครัวขาดเสาหลัก (ชมคลิป)

จากกรณีแรงงานไทยในนิคมเกษตรกรรมใกล้พื้นที่ฉนวนกาซาเสียชีวิต 2 ราย สาเหตุจากการโจมตีฉนวนกาซาช่วงบ่ายวานนี้ (18 พ.ค.) ตามเวลาอิสราเอล โดย 1 ในแรงงานที่เสียชีวิตเป็นชาวจ้งหวัดเพชรบูรณ์ ชื่อนายวีรวัฒน์ การุญบริรักษ์ อายุราว 43 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลข 134 บ้านชัยชนะ หมู่ที่ 8 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยล่าสุดวันนี้วันที่ 19 พฤษภาคม ทางแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ พร้อมจัดหางานจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านพักครอบครัวนายวีรวัฒน์แรงงานชาวไทยที่เสียชีวิตในต่างแดน ที่ตำบลเข็กน้อย เพื่อสอบถามข้อมูลแและการให้ความช่วยเหลือ โดยมีนายจุลศักดิ์ ศักดิ์เจริญชัยกุลกำนันตำบลเข็กน้อย นำคณะเจ้าหน้าที่ทั้งสองไปพบครอบครัวนายวีรวัฒน์ โดยแม่และนางสาวเรือนรัตน์ แซ่ลี อายุ 41 ปีภรรยานายวีรวัฒน์ต่างอยู่ในความเศร้าเสียใจ

โดยนายวีรวัฒน์ การุญบริรักษ์ มีผู้เสียชีวิต มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสชื่อนางสาวเรือนรัตน์ แซ่ลี อายุ 41 ปี บุตรสาว 2 คน คือ นางสาววรารัตน์  การุญบริรักษ์ อายุ 21 ปี และเด็กหญิงจรัสรวี การุญบริรักษ์ อายุ 12 ปี โดยในเบื้องต้นคู่สมรสและทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้
1. ค่าจัดการงานศพจากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ (กกจ.)จำนวน 40,000 บาท
2.ภรรยาของผู้เสียชีวิตกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากสงครามในอิสราเอล เดือนละประมาณ 60% ของ 6,000 เชเกล (ประมาณ 34,783 บาท) และบุตรได้รับประมาณ 10-20% ของ 6,000 เชคเกล ตามสัดส่วน จนกว่าภรรยาแต่งงานใหม่หรือบุตรอายุครบ 18 ปี ขณะเดียวกันทางสำนักงานแรงงานจังหวัด รับจะติดตามเรื่องการส่งร่างกลับภูมิลำเนา

ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวที่บ้านพักครอบครัวนายวีรวัฒน์ เลขที่ 134 หมู่ 8 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นางสาวอินทุกานต์ ทองเกิน หัวหน้าสำนักงานประกันสังคม สาขาหล่มสัก พร้อมเจ้าหน้าที่หน้า ได้รุดเยี่ยมให้กำลังใจนส.เรือยรัตน์ แซ่ลี อายุ 41 ปี และนส.วรารัตน์ การุญบริรักษ์ อายุ 21 ปี และเด็กหญิงจรัสรวี การุญบริรักษ์ อายุ 12 ปี ภรรยาและบุตรสาวนายวีรวัฒน์ เพื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ทางสำนักงานประกันสังคมฯได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและพบว่า นายวีรวัฒน์ก่อนเดินทางประเทศอิสราเอล เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทชีวาสมราว 10 ปี โดยจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเป็นเงิน 34000 บาทรวม 128 ปี หากบวกดอกผลทางทายาทผู้เสียชีวืตและบิดามารดาได้รับเงินก้อนนี้จำนวนราว 50,000 บาท ก็เงินก้อนนี้จะถูกแบ่งเท่าๆกัน โดนจะมีโอนเข้าบัญชีให้ในภายหลัง จากนั้นนส.อินทุกกานต์ได้มอบผ้าห่มและใหักำลังใจนส.เรือนรัตน์พร้อมบุตรสาว

ในขณะที่นางสาวเรือนรัตน์ แซ่ลี กล่าวว่า สิ่งแรกที่ต้องการให้ทางหน่วยงานช่วยเหลือคือ เร่งนำศพของสามีกลับมาบ้านเพื่อทำพิธีทางศาสนา โดยก่อนหน้านี้น้องสามีแจ้งว่า มีข่าวไม่ค่อยดีทางอิสราเอล ให้ติดต่อสามีว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น โดยปกติแล้วสามีจะมีการติดต่อพูดคุยวันละ 2 ครั้ง ในเวลาตอนเที่ยงและเวลาประมาณ 20:00 น ซึ่งการโทรไปครั้งนี้โทรก็ไม่ติดไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งพยาบามติดต่อเพื่อนสามีจนไดรับแจ้งว่า แคมป์คนงานถูกระเบิดลงโดยเฉพาะห้องที่สามีนอนพักเป็นจุดที่ระบิดลงพอดี มีคนตาย 2 คนและมีผู้บาดเจ็บ โดยทหารได้อพยพคนงานออกจึงไม่สามารถเข้าไปดูศพได้ ต้องรอทหารยืนยันก่อน โดยเพื่อนสามีรายนี้ขณะระเบิดลงอยู่ข้างนอกไม่ได้อยู่ในห้องพักด้วย กระทั่งภายหลังเพื่อนสามีจึงแจ้งว่าสามีตนเสียชีวิต

“ตอนนั้นรู้สึกช็อคมากและย้งสับสนทำอะไรไม่ถูก สามีเดินทางำปทำงานที่อิสราเอลเมื่อปี 2561 และมีการส่งเงินกลับมาที่บ้านโดยตลอด โดยสามีตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทางว่าจะทำงานเก็บเงินเพื่อส่งกลับมาสร้างบ้าน จนถึงปัจจุบันสร้างบ้านแล้วเสร็จสามีก็ยังไม่ได้เดินทางกลับ”นส.เรือนรัตน์กล่าว

นส.เรือนรัตน์กล่าวว่า ปัจจุบันบ้านพักที่อาศัยอยู่นอกจากตนแล้วก็มีบุตรสาวอีก 2 คน ส่วนพ่อและอม่สามีย้ายออกไปอยู่กับญาติ เพราะพ่อขอสามีเป็นผู้ป่วยติดเตียง ส่วนแม่ได้ย้ายไปอยู่กับน้องสาว ในขณะที่ตนเองมีรายได้ จากการขายลูกชิ้นปิ้ง ส่วนรายได้หลักจะมาจากสามีที่เงินกลับมาให้คนอบครัว จากนี้ไปยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร รู่สึดสับสนและยังมืดแปดด้าน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน