X

กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ นัดลงพื้นที่ดูข้อมูลชาวบ้านถูกบังคับคดีให้ออกจากที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกตาด

เพชรบูรณ์-กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมลงพื้นที่หาแนวทางแก้ไข ชาวบ้านถูกบังคับคดีให้ออกจากที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกตาด หลังผู้ถูกขับไล่อ้างข้อมูลแนวเขตป่าโคกตาดคลาดเคลื่อน และไม่ได้นำหลักฐานแสดงต่อศาล

วันที่ 10 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ เพื่อรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง กรณีสืบเนื่องจากเรื่องร้องเรียนของประชาชนในเขตพื้นที่ ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการบังคับคดีให้ออกจากพื้นที่ตามคำสั่งศาลฐานบุกรุกครอบครองที่ดินสาธารณะป่าโคกตาด ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.นางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์ สำหรับวัตถุประสงค์การลงพื้นที่ดังกล่าว นอกจากทางคณะกรรมาธิการฯ ต้องการรับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงแนวเขตที่ดินฯบริเวณพื้นที่พิพาทระหว่างตำบลป่าเลา ตำบลนางั่ว อ.เมืองเพชรบูรณ์แล้ว ยังนัดหมายทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อประชุมร่วมกันในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอีกด้วย

ทังนี้สืบเนื่องจาก ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยแจ้งปฏิเสธชาวบ้านได้ยื่นร้องขอให้ชะลอการบังคับคดีในพื้นที่ป่าโคกตาด เพราะสถานการณ์โรคโควิด-19 ประกอบกับชาวบ้านร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการฯซึ่งจะมีลงพื้นที่ตรวจสอบ แต่ศูนย์ดำรงธรรมฯให้เหตุผลว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้วป่าโคกตาดเป็นที่ด้นสาธารณะ ประกอบกับศาลปกครองพิษณุโลกเคยมีคำพิพากษาให้อำเภอเมืองและอบต.ป่าเลา ดำเนินการกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่าโคกตาด นอกจากนี้ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์มีคำพิพากษากับผู้บุกรุกที่ดินสาธารณะโคกตาดเช่นกัน จึงไม่อาจดำเนินการตามข้อร้องเรียนได้ เนื่องจากเรื่องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมแล้ว คู่กรณีมีสิทธิพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ เมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเสร็จเด็ดขาดประการใดแล้ว ย่อมส่งผลผูกพันต่อคู่กรณีหรือรัฐต้องปฏิบัติตาม

นางสุรภา เมฆอรุณ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางอำเภอฯมีหนังสือแจ้งให้พวกเรา 26 คนออกจากพื้นที่ จึงแจ้งไปว่าช่วงนี้โควิด-19 กำลังระบาดและอยู่ระหว่างประกาศใช้พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้พวกเราไปขอความเห็นใจทางคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้อบต.และอำเภอฯจัดทำรังวัดพื้นที่พร้อมกับนายทหารกรมแผนที่ทหาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่ป่าโคกตาดกว่าหมื่นไร่นั้นอยู่ตรงบริเวณไหน แต่ทางจังหวัดไม่ยินยอมแลุยังมีหนังสือมาขับไล่ชาวบ้าน 26 รายโดยอ้างคำตัดสินศาลโดยให้ชายบ้านต้องออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน

“ในการสู้คดีนั้นพวกเราขาดหลักฐานหรือหน่วยงานที่จะมารองรับ แต่ภายหลังได้ไปขอข้อมูลจากกรมแผนที่ทหาร กระทั่งมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมแผนที่ทหารมาช่วยอ่านและแปลแผนที่พื้นที่ป่าโคกตาดให้ จนสรุปได้ว่าที่ดินของดิฉันและชาวบ้านไม่ได้อยู่ในระวางที่มีการฟ้องร้องกันในศาลปกครองเมื่อปี 2555 แต่เนื่องจากหลักฐานตรงนี้เรานำขึ้นไปสู้ในชั้นศาลไม่ทัน ทำให้พวกเราจึงต้องออกมาเรียกร้องกันอีกครั้ง”นางสุรภากล่าว

ล่าสุดวันนี้(10มิถุนายน) นางสุรภา เมฆอรุน พร้อมพวก ได้ไปตรวจสอบหลักเขตที่ดินที่แสดงแนวเขตที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกตาด ต.นางั่ว-ต.ลานบ่า หลังทราบว่าหลักเขตที่ดินดังกล่าวถูกถอนและถูกวางกองทิ้งไว้บริเวณริมถนนหมู่ที่ 1 ต.นางั่วนี้ไม่ทราบว่าใครถอนออกมา และหลักเขตนี้ถูกขยับหรือโยกย้ายจากจุดเดิมมา 2 ครั้งแล้ว และล่าสุดก่อนจะถูกพบถูกกองทิ้งริมถนนบริเวณนี้ก็ถูกขยับอีกเป็นครั้งที่ 3 โดยห่างจากจุดเดิมครั้งแรกเกือบ 1 กิโลเมตร จนทำให้แนวเขตเกิดความคลาดเคลื่อนและมีผลทำให้ชาวบ้านต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน