เพชรบูรณ์-พิษกองทุนฟื้นฟู เด้ง!หน.สาขาเพชรบูรณ์พร้อมลูกจ้าง หลังพบหลักฐานมีมูลร่วมกันทุจริตปลอมแปลงเอกสารกู้ยืมเงินกองทุนฯ ขณะเดียวกันยังไล่ออกผู้จัดการ-ลูกจ้างสหกรณ์อีก 2 รายหลังพบมีเอี่ยว
วันที่ 20 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเกษตรกรชาวเพชรบูรณ์ร้องเรียนให้ตรวจสอบ การทุจริตกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.)สาขาเพชรบูรณ์ หลังมีเกษตรกรติดหนี้ กฟก.นับล้านทั้งที่ไม่เคยกู้ยืม ล่าสุดนายสไกร พิมพ์บึง รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) มีคำสั่งรวม 2 ฉบับลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2561 นี้ เรื่องมอบหมายให้พนักงานช่วยปฏิบัติ โดยเนื้อหาสรุปว่า ให้นางกันยาวีร์ สุรางคพาณิชย์ หัวหน้าสำนักงานสาขาเพชรบูรณ์ และนส.หทัยรัช เที่ยงอยู่ ลูกจ้างกลุ่มงานทั่วไป ไปช่วยปฏิบัติงานส่วนฝึกอบรม สำนักอำนวยการ สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฏาคม 2561 เป็นต้นไป โดยในการปฏิบัติหน้าที่ให้อยู่ในความควบคุมและกำกับดูแลของผู้อำนวยการสำนักงานอำนวยการ
โดยในคำสั่งดังกล่าวระบุด้วยว่า ทั้งสองร่วมมือกันวางแผนกระทำการ โดยแบ่งหน้าที่กันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ สัญญากู้ยืมเงิน และใช้เอกสารของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ทำสัญญากู้ยืมเงินกับสหกรณ์โดยไม่มีการกู้ยืมเงินกันจริง จากนั้นทำให้เป็นหนี้เสีย(ทำสัญญาย้อนวันที่เพื่อให้เป็นหนี้เสีย) นำหนี้ไปขายให้กองทุนฟื้นฟูฯซื้อหนี้ดังกล่าว ทำให้สำนักงาน กฟก.ได้รับเสียหายทั้งงบประมาณและภาพลักษณ์องค์กร และยังทำรายงานเท็จเสนอผู้บังคับบัญชา สำนักงาน.กฟก.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวมีความถูกต้องและเป็นธรรม จึงมอบให้ทั้งสองไปช่วยปฏิบัติงานส่วนฝึกอบรม สำนักอำนวยการ สำนักงานใหญ่ดังกล่าว
ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯของจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ประชุมหารือเมื่อวานนี้(19 ก.ค.61)เพื่อหารือถึงแนวทางขยายผลการตรวจสอบหลัง พบหลักฐานในเบื้องต้นมีการปลอมแปลงเอกสารเกษตรกรตั้งแต่เริ่มแรก และมีการเชื่อมโยงไปยังกลุ่มสหกรณ์บางแห่งในเขตพื้นที่อ.หล่มเก่า เนื่องจากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลว่ามีรายชื่อเกษตรกรที่ตกเป็นหนี้สิน กฟก. เป็นสมาชิกสหกรณ์ตามหลักฐานที่มีการเชื่อมโยงและอ้างถึงแหล่งสถาบันการเงินเดิม ที่เกษตรกรกู้ยืมจนเกิดเป็นหนี้เสีย กระทั่งขายหนี้ให้กองทุนฟื้นฟูฯ นอกจากนี้ไม่พบหลักฐานสัญญาการซื้อหนี้สินเกษตรกรแต่อย่างใดอีกด้วย
ขณะเดียวกันยังพบบัญชีลับของบางสหกรณ์มีเงินหลายสิบล้านบาทโดยไม่ได้แจ้งรายงานให้หน่วยงานที่ดูแลทราบ แต่ยังถึงกับตั้งข้อสงสัยด้วยว่าทางธนาคารฯบางแห่งมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ จึงมีการเสนอให้รื้อทุกสัญญาที่กฟก.ซื้อหนี้สินจากเกษตรกร แต่ก็มีการท้วงติงให้ตรวจสอบ 13 เกษตรกรก่อน เพราะให้ทราบทราบเส้นทางทุจริตของขบวนการนี้ แต่ทั้งนี้มีปัญหาที่ฝ่ายตรวจสอบไม่ทราบ กฟก.ขึ้นตรงกับหน่วยงานไหนทำให้เกิดอุปสรรคเนื่องจากมีปัญหาการประสานงานเพื่อขอต้นขั้วสัญญาหนี้เสียมาตรวจสอบ นอกจากนี้ในที่ประชุมยังมีการรายงานด้วยว่า มีสหกรณ์บางแห่งได้ไล่ออกผู้จัดการและเจ้าหน้าที่รวม 2 รายไปแล้ว หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตนี้ด้วย
