เพชรบูรณ์-ปิดจ๊อบ!ปฏิบัติการ 135 รีสอร์ทรุกป่าเขาค้อ จนท.บุกจับ 10 รีสอร์ทลอตสุดท้ายลื่น
วันที่ 13 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซึ่งประกอบด้วย ทหาร ป่าไม้, ตชด.ที่ 31, บก.ปทส.กก.4 จำนวน 6 ชุดปฎิบัติการ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจับกุมรีสอร์ทเขาค้อที่อยู่ในเขตป่าลอตสุดท้ายจำนวน 10 แห่ง ตามแผนปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมาย 135 รีสอร์ท นอกแปลงที่ดินรอส.และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ-ว้งชมภู ได้แก่ ตำบลเขาค้อ มีรีสอร์ทภูนาญา, บ้านไร่ดอกจําปี, สิรินทีรีสอร์ท, แทนรักทะเลหมอก /ตำบลริมสีม่วง ได้แก่ แซตตัต นูก้า / ตำบลสะเดาะพง ได้แก่ บ้านพักตากอากาศจำนวน 4 หลัง, เขาค้อภูน้ำใส หลังจากได้ข้อยุติจากทางทีมกฎหมายซึ่งพิจารณาแล้วว่า รีสอร์ททั้ง 10 แห่ง แม้จะเคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีและทางพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องแล้วก็ตาม แต่พบว่ามีหลักฐานใหม่เพียงพอให้ทางเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในการลงพื้นที่ตรวจสอบของคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการทั้ง 10 รีสอร์ท ปรากฎว่า ไม่พบผู้ประกอบการหรือพนักงานลูกจ้างในรีสอร์ทเป้าหมายที่กระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจเช็คและรังวัดแนวเขต เพื่อยืนยันฐานข้อมูลที่เคยมีการสำรวจไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไร้การต่อต้านขัดขืนจากกลุ่มผู้ประกอบการแต่อย่างใด และในปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายกับรีสอร์ทในล๊อตนี้ ถือเป็นการปิดจ๊อบแผนปฎิบัติการกลุ่ม 135 รีสอร์ทบุกรุกป่าเขาค้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามแผนฯกำหนดระยะสิ้นสุดปฏิบัติการในวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 นี้
ข่าวแจ้งว่า สำหรับรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศตามเป้าหมายในล็อตสุดท้ายตามบัญชีเดิมมีจำนวน 24 แห่ง แต่ติดปัญหาในข้อกฎหมายที่มีรีสอร์ทบางส่วนเคยถูกจับกุมดำเนินคดี และทางพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลขาดเจตนา ฟ้องผิดคน เปลี่ยนผู้ครอบจริง ทำให้ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องส่งข้อมูลให้ทีมกฎหมายกลับมาพิจารณาในแต่ละราย กระทั่งได้ข้อสรุปว่ารีสอร์ทที่อยู่ในเป้าหมายสุดท้ายที่ทางคณะเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายมี 10 รีสอร์ท ส่วนอีก และรีสอร์ที่อยู่ระหว่างรอออกมาตรา 25 ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 จำนวน 8 ราย และรีสอร์ทที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)รับคดีไปจำนวน 5 ราย นอกจากนี้ยังมีรีสอร์ทคดีไม่ถึงที่สุดโดยทางพนักงานสั่งให้มีการสั่งสอบเพิ่มอีก 1 ราย
