X

สหกรณ์การเกษตรเพชรบูรณ์ ครวญขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินพอรับซื้อข้าวเปลือกชาวนา หลัง ธ.ก.ส.ไม่ปล่อยกู้ อ้างรัฐบาลยังไม่อนุมัติเงิน

เพชรบูรณ์-สหกรณ์การเกษตรฯ ครวญขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินพอรับซื้อข้าวเปลือกชาวนา  หลัง ธ.ก.ส.ไม่ปล่อยกู้อ้างรัฐบาลยังไม่อนุมัติเงิน

วันที่ 14 พฤศจิกายน นายประดิษฐ์ ทับทิมดี ที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรเพชรบูรณ์จำกัด อ.เมืองเพชรบูรณ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากโครงการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกในปีการผลิต 2561/62 ที่ผ่านมา ทางสหกรณ์ฯได้รับเงินกู้จากทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) สาขาเพชรบูรณ์วงเงิน 200 ล้านบาท เพื่อซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรชาวนาได้ราว 13,000 ตัน หลังจากนั้นทำการแปรรูปและสีขายจนได้เงินมา 82 ล้านบาท และมีการชำระคืนให้แก่ ธ.ก.ส. ส่วนที่เหลือยังค้างเพราะยังขายข้าวไม่ได้

“แต่ทั้งนี้โครงการมาตรการฯในปี 2562/63 ทางธ.ก.ส.แจ้งว่ารัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติเงินให้ จึงยังไม่สามารถปล่อยเงินกู้ให้แก่สหกรณ์ฯได้ กระทั่งทำให้สหกรณ์ฯขาดสภาพคล่องไม่มีเงินหมุนเวียนเพียงพอ ที่จะรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรชาวนาที่จะนำมาขายให้”ที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรเพชรบูรณ์จำกัดกล่าวย้ำ

นายประดิษฐ์กล่าวว่า เวลานี้สหกรณ์ฯมีเงินหมุนเวียนซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรเพียงราว 30ล้านบาทเศษ ในขณะที่ผลผลิตข้าวเปลือกในปีนี้ นอกจากผลผลิตปกติที่จะออกสู่ตลาดแล้ว ยังมีนาแปลงใหญ่ที่ ต.ดงมูลเหล็กซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมไว้ ขณะนี้เกษตรกรชาวนาอยู่ระหว่างกำลังเร่งเก็บเกี่ยว เพราะหากเลยระยะเวลาช่วงนี้ไปแล้วจะทำให้ข้าวไม่มีคุณภาพราคาตก โดยจะมีผลผลิตข้าวหอมมะลิออกสู่ตลาดอีกราว 3,000 ตัน

“ฉะนั้นหากสหกรณ์ฯไม่มีเงินจะรับซื้อก็จะทำให้ชาวนาได้รับผลกระทบ และได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่มีที่ขาย ทางสหกรณ์ฯจึงทำหนังสือไปยังรัฐบาลโดยผ่านส.ส.ในพื้นที่ เพื่อให้รัฐบาลเร่งรัดอนุมัติให้แก่ ธกส.ปล่อยเงินกู้ให้แก่สหกรณ์ฯโดยด่วนก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้”นายประดิษฐ์กล่าว

ที่ปรึกษาสหกรณ์การเกษตรเพชรบูรณ์จำกัด กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางพ่อค้าโรงสีและลานข้าวเปลือกภาคเอกชนในพื้นที่ อ.เมืองและอำเภออื่นๆ ต่างก็ขาดสภาพคล่องเช่นเดียวกัน เนื่องจากธนาคารต่างๆไม่ปล่อยเงินกู้ ทำให้ชาวนาไม่รู้จะไปขายข้าวเปลือกให้กับใคร

ทั้งนี้มีรายงานแจ้งว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีมติทำโครงการประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้แก่ 1.ข้าวเปลือกเจ้า ประกันรายได้ที่ตันละ 10,000 บาท 2.ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้ที่ตันละ 15,000 บาท 3.ข้าวหอมนอกพื้นที่ ประกันรายได้ที่ตันละ 14,000 บาท 4.ข้าวหอมปทุม ประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท และ 5.ข้าวเหนียว ประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท กำหนดค่าความชื้นไม่เกิน 15% โดยรัฐบาลจะประกันรายได้ให้ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน