X

เตรียมเปิดหอดูดาวแห่งที่ 2 ของประเทศอย่างเป็นทางการที่แปดริ้ว

ฉะเชิงเทรา – เตรียมเปิดหอดูดาวแห่งที่ 2 ของประเทศอย่างเป็นทางการที่อำเภอแปลงยาว รองรับประชาชนในระดับภูมิภาคและพื้นที่ใกล้เคียงโดยเฉพาะชาว กทม.ที่ตั้งอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม ก่อนโชว์ให้ดูในรอบสื่อมวลชนได้ชื่นชมในวันนี้

วันที่ 23 ม.ค.61 เวลา 18.00 น. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวถึงความพร้อมในการเปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการ ของหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ประจำภูมิภาคจังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่เลขที่ 999 ม.3 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว ว่าในวันนี้ทาง สดร.ได้นำพาสื่อมวลชนมาจากกรุงเทพฯ เข้าเยี่ยมชมหอดูดาวประจำภูมิภาคที่ จ.ฉะเชิงเทรา

โดยได้มีกำหนดการเปิดอย่างเป็นทางการขึ้นในวันที่ 2 ก.พ.61 นี้ โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดอย่างเป็นทางการ โดยหอดูดาวประจำภูมิภาคที่ จ.ฉะเชิงเทรานี้ ถือ เป็นหอดูดาวที่มีศักยภาพความพร้อมสูงเป็นแห่งที่ 2 ของประเทศ รองจากหอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บนดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ จากในจำนวนหอดูดาวประจำภูมิภาคทั้งหมด 5 แห่ง ประกอบด้วย หอดูดาว จ.ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา สงขลา พิษณุโลก  และขอนแก่น

ซึ่งหอดูดาวแห่งนี้ประกอบไปด้วย ห้องนิทรรศการ มีท้องฟ้าจำลอง มีลานดูดาว และนิทรรศการภายนอก ซึ่งเป็น “สโตนเฮนจ์” จำลอง และมีกล้องดูดาวหลักซึ่งเป็นหัวใจของหอดูดาว โดยเป็นกล้องดูดาวที่มีประสิทธิภาพสูงมากมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองลงมาจากกล้องในหอดูดาวที่ดอยอินทนนท์เท่านั้น ซึ่งถือว่าหอดูดาวแห่งนี้มีความพร้อมที่สมบูรณ์แบบแล้ว ที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างเป็นทางการ

โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้ามาเยี่ยมชม เรียนรู้ มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ทางดาราศาสตร์ปีละหลายหมื่นคน โดยหวังว่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญของประเทศ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไปในอนาคต

ซึ่งหอดูดาวแห่งนี้มีจุดเด่นที่เป็นการรวมนำเอาบทบาทหลายๆอย่าง มาไว้รวมกัน ทั้งท้องฟ้าจำลองที่ใช้ในการสอนดูดาวได้ มีกล้องดูดาวที่ใช้ทำกิจกรรมได้ ใช้ในการทำวิจัยได้ ทำโครงงานของเด็กๆ ได้ และมีลานดูดาวขนาดใหญ่ที่สามารถจัดกิจกรรมภายนอกได้ เช่น การเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก ปรากฏการณ์จันทรุปราคา โดยมีฟังค์ชั่นหลายๆ อย่าง ถูกนำมาไว้รวมกันที่นี่

อีกทั้งยังมีบริษัทภาคเอกชนต่างๆ ได้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนในการจัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ทั้งสองด้านของหอดูดาว เพื่อที่จะใช้ในการเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์พืชในวรรณคดี พันธุ์พืชที่อยู่ในพระพุทธศาสนา รวมทั้งพันธุ์พืชที่เราสามารถใช้กินได้

สำหรับตลอดช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา หลังการทดลองเปิดให้บริการ ได้มีสถานศึกษา ประชาชน และโรงเรียนจำนวนมาก ปีละหลายหมื่นคนได้เข้ามาร่วมกิจกรรมกัน และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การทดลองเปิดอย่างไม่เป็นทางการเท่านั้นเอง

และหลังจากเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว จึงคาดว่าจะมีคนเข้ามาเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น โดยเราคาดหวังว่าที่นี่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญไม่ใช่แค่เฉพาะคนใน จ.ฉะเชิงเทรา เท่านั้น แต่คนในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียงก็มาใช้บริการได้ เนื่องจากการที่เราไม่ได้สร้างหอดูดาวขึ้นในกรุงเทพฯ เพราะในกรุงเทพฯ นั้น ท้องฟ้าไม่ดีเพียงพอโดยมีแสงรบกวนมาก จึงมาสร้างขึ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่เหมาะสมและอยู่ใกล้เคียงกับกรุงเทพฯ มาก ดร.ศรัณย์ กล่าว

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญของหอดูดาวแห่งที่ 2 ของประเทศแห่งนี้ ประกอบด้วย อาคารหอดูดาวแบบโดมเปลือกหอยที่สามารถเปิดได้รอบทิศทาง ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 70 ซม. และกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็กเพื่อใช้สังเกตวัตถุท้องฟ้าอีก 6 ชุด มีอาคารฉายดาวบนเพดานโค้งรอบทิศทาง ติดตั้งเครื่องฉายดาวระบบฟูลโดมดิจิทัล ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล ฉายสื่อการเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์มาตรฐานโลก

ภายในอาคารฉายดาวยังมีส่วนนิทรรศการดาราศาสตร์จัดแสดงในรูปแบบชุดการเรียนรู้ดาราศาสตร์แบบมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อให้ผู้ชมได้เรียนรู้เสมือนจริง มีพื้นที่เรียนรู้ภายนอกอาคาร เช่น แบบจำลองวงโคจรระบบสุริยะ สโตนเฮนจ์ นาฬิกาแดด ลานดูดาวกลางแจ้ง และศิลปะดาราศาสตร์ภาพวาดบนกำแพงลานดูดาวยาวกว่า 100 เมตร แห่งเดียวในประเทศไทยที่สวยงาม

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน