X

เรื่องเล่าชวนสยอง ตำนานหุ่นฝังวิญญาณอาจารย์ซ่วน

ฉะเชิงเทรา – แหล่งท่องเที่ยวอาถรรพ์ชวนขนหัวลุก ที่อุทยานกลางแจ้งหุ่นปั้นฝังวิญญาณ ในสำนักสงฆ์ร้างอาจารย์ซ่วน เกจิชื่อดังในตำนานเมื่อกว่า 30 ปีก่อน หลังจากถูกปล่อยร้างมานาน 24 ปีเต็ม จนกลายเป็นผืนป่าอึมครึมอันน่าสะพรึงกลัว ขณะชาวบ้านนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แห่เข้ามาขอโชคลาภ แสวงหาเลขเด็ดช่วงก่อนวันหวยออก

สถานที่อาถรรพ์ตามคำล่ำลือของชาวบ้าน ถึงความน่าสะพรึงกลัวภายในสำนักสงฆ์ร้างของเกจิชื่อดังในตำนานเมืองแปดริ้วนั้น เป็นอุทยานกลางแจ้งหรือศูนย์รวมของหุ่นปั้นฝังวิญญาณ ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างตั้งยืนตระหง่านเรียงรายกันอยู่เต็มแน่นพื้นที่ ภายในบริเวณผืนป่าริมคลองท่าลาด พื้นที่รอยต่อระหว่าง ม.5 และ ม.6 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม

สอบถาม นางสายพิน เจนภูมิเดช อายุ 64 ปี ชาวบ้าน ม.1 ต.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม หนึ่งในเด็กสาวที่เคยถูกนำมาฝึกหัดให้เป็นผู้ช่วยช่างปั้นหุ่น ปฏิมากรรมสยองทั้งหลายเหล่านี้ ตั้งแต่เมื่อครั้งเธอยังอยู่ในวัย 18-19 ปี ได้เล่าว่า พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร เจ้าของสำนักสงฆ์แห่งนี้ ท่านได้มรณะภาพไปนานแล้ว ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2536 ด้วยวัย 63 ปี สำนักสงฆ์แห่งนี้ซึ่งปลูกสร้างอยู่บนที่ดินส่วนตัว ซึ่งเป็นมรดกของนายวัน ผู้เป็นบิดาเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ จึงถูกปล่อยทิ้งร้างมาเป็นเวลานานถึง 24 ปีเต็ม

สภาพพื้นที่จึงดูรกร้างหุ่นปั้นตามจินตนาการ และวรรณคดีต่างๆ จำนวน 242 ตน จึงได้ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ จนมีต้นไม้ เถาวัลย์ขึ้นมาปกคลุม ดูน่าสะพรึงกลัวต่อผู้ที่ได้เข้ามาพบเห็น โดยหุ่นปั้น ส่วนใหญ่นั้น จะเป็นหุ่นปั้นตามวรรณคดีไทย และหุ่นปั้นทางศาสนาต่างๆ ทั้งไทย จีน อินเดีย เช่น หุ่นปั้น ในพุทธประวัติ หุ่นปั้นเจ้าแม่กาลี ในศาสนาพราหมณ์ หุ่นปั้น 8 เซียน ของจีน และเจ้าแม่กวนอิม ตลอดจนรูปปั้นยักษ์จากวรรณกรรมต่างๆ รวมถึงเปรตอสูรกาย จากเรื่องพระอภัยมณี นางสิบสอง และขุนโจรที่มีชื่อเสียงในอดีต อย่างมากมายหลายร้อยชนิด

เนื่องจากท่านเป็นคนชอบสร้างหุ่นช่วยเหลือคนเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้แก่ผู้คนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ และหุ่นทุกตนที่สร้างขึ้นจะมีส่วนผสมของกระดูกผีตายโหงตามวิชาอาคมที่ท่านได้เรียนมา และมีการตั้งโต๊ะทำพิธีกรรมเซ่นไหว้ในทุกๆ ตนที่สร้างขึ้น จึงยิ่งทำให้ป่าหุ่นปูนปั้นแห่งนี้ยิ่งดูขลึงขลังวังเวง จนน่าสะพรึงกลัวและไม่มีใครกล้าย่างกายผ่านเข้าใกล้

เดิมทีนั้น พระอาจารย์ซ่วน ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าลาดใต้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกันริมคลองท่าลาดใต้สายนี้ แต่หลังจากที่มีผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่ ต่างพากันเดินทางเข้ามาขอให้ท่านช่วยเหลือ และเข้ามาขอเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะปลัดขิกเรียกทรัพย์จากท่านเป็นจำนวนมากอย่างเนืองแน่นตลอดทุกวัน จนทำให้ท่านไม่ได้พักผ่อน เพราะนอกจากจะรับแขกเหรื่อญาติโยมที่เดินทางเข้ามาขึ้นหาแล้ว ท่านยังต้องทำงานภายในวัดด้านอื่นๆ ด้วย

พระอาจารย์จึงได้ข้ามฝั่งมาก่อตั้งสำนักสงฆ์แห่งนี้ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน หลบหลีกจากการถูกรบกวนจากภายนอก ด้วยการพายเรือข้ามฟากมาพักผ่อนยังภายในสำนักสงฆ์แห่งนี้เมื่อต้องการจะพักผ่อนอย่างเต็มที่บ้าง โดยที่ในวัดท่าลาดใต้เองนั้น ปัจจุบันก็ยังคงมีหุ่นปูนปั้นรูปร่างต่างๆ เหล่านี้อยู่มากมายเช่นเดียวกัน และยังมีอายุเก่าแก่มากกว่าหุ่นปั้นในป่าสำนักสงฆ์ร้างแห่งนี้อีกด้วย

แม้จะถูกพระสงฆ์ที่เข้ามาอยู่ภายในวัดท่าลาดใต้ในยุคหลังไถทิ้งไปบ้างแล้วก็ตาม โดยหุ่นปูนปั้นที่วัดท่าลาดใต้นั้น มีอายุราว 50 ปี ส่วนหุ่นปั้นในสำนักสงฆ์ร้างแห่งนี้ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 40 ปีเศษเท่านั้น นางสายพิน ระบุ

ขณะที่ นายรณชัย ลี่เส็ง อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ม.3 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม อดีตเด็กวัดพงษาราม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากสำนักสงฆ์แห่งนี้มากนัก กล่าวว่า เมื่อครั้งตนยังอยู่ในวัย 12 ขวบ และพระอาจารย์ซ่วนยังมีชีวิตอยู่ ได้เข้ามาวิ่งเล่นยังที่สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่เป็นประจำ เพราะมีของกินมากมาย เนื่องจากมีผู้คนเข้ามาขึ้นหาพระอาจารย์มาก และยังมีรายได้จากผู้คนที่ได้ใช้ไหว้วานให้ไปช่วยวิ่งหาซื้อของให้ เนื่องจากเส้นทางการสัญจรในสมัยอดีตไม่สะดวก จึงรู้จักคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

โดยหุ่นปั้นต่างๆ เหล่านี้ ล้วนมีวิญญาณจากกระดูกผีที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมอยู่ในร่างของหุ่นทั้งนั้น โดยหลายตนล้วนมีประวัติ ที่มีผู้คนได้มาพบเห็นถึงความแปลกประหลาด หรือเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง จึงทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้ามาใกล้ยังสถานที่แห่งนี้ แต่หลังจากที่ได้มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ได้เข้ามาถ่ายทำรายการในสถานที่แห่งนี้เมื่อปีที่แล้ว และนำไปเผยแพร่ จึงทำให้เริ่มมีคนรู้จักสถานที่แห่งนี้ และมีคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว และพิสูจน์ถึงความลี้ลับอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนก่อนวันหวยออกหนึ่งวัน จะมีคนเข้ามาค้นหาเลขเด็ดกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากที่ผ่านมานั้นมีผู้คนได้รับโชคลาภจากหุ่นปูนปั้นต่างๆ จากภายในสถานที่แห่งนี้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง จึงทำให้ผู้คนพากันเข้ามา นายรณชัย กล่าว

ด้าน นางจิตรตรา พันธนา อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม ผู้ที่เคยได้รับโชคลาภ จากการค้นหาเลขเด็ดจากหุ่นปูนปั้นเหล่านี้ เล่าว่า แม้ตนจะเป็นคนในพื้นที่ แต่ก็ยังไม่เคยเข้ามาขออะไรยังสถานที่แห่งนี้มาก่อน จนเมื่อวันก่อนการออกสลากกินแบ่งของรัฐบาลงวดหนึ่งได้ลองเข้ามาแสวงหาเลขเด็ดดู ปรากฏว่าได้รับเลขโชคลาภจริงๆแม้จะเป็นเพียงโชคลาภเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

สำหรับเรื่องประหลาด หรือปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้นั้น ตนยังไม่เคยประสบเหตุการณ์ทำนองนั้นมาก่อน แต่มีเพียงอาการขนลุกซู่ตั้งชันทั้งตัวอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเดินผ่านตามจุดต่างๆ ภายในสถานที่แห่งนี้ หากจุดไหนเราสามารถสัมผัสกับอะไรบางอย่างได้ โดยที่ไม่เคยพบเห็นเป็นตัวเป็นตน หรือมีสิ่งเคลื่อนไหวอย่างน่าแปลกประหลาดตามคำล่ำลือก็ตาม นางจิตรตรา กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน