X
ว่าที่นายก

นักวิชาการ มองเอ็มโอยูร่วม 8 พรรคเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมือง

ฉะเชิงเทรา – นักวิชาการแปดริ้ว มองทำเอ็มโอยูร่วม 8 พรรคการเมืองก่อนจัดตั้งรัฐบาล เป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้มีจุดเห็นต่างในบางพรรคแต่ยังเข้ามาร่วมจับมือกันได้ ขณะก้าวไกลยอมถอยในประเด็นทางสังคมที่ถือเป็นพัฒนาการที่ดีสำหรับการเมืองไทย ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรียังพอมีเวลาหาเสียงสนับสนุนเพิ่ม เชื่อ สว.มีวุฒิภาวะที่จะไม่นำพาบ้านเมืองกลับไปสู่วิกฤต

วันที่ 23 พ.ค.66 ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ได้แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกันระหว่างตัวแทนจาก 8 พรรคการเมือง เพื่อเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.66) ว่าถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ก่อนจะมีการจัดตั้งรัฐบาลนั้นได้มีการพูดคุยกันในเรื่องของนโยบาย

ผศ.นพพร ขุนค้า

เพราะปกติฝ่ายที่จะมาเป็นรัฐบาลที่ผ่านมานั้น จะคุยกันไปในเรื่องของการแบ่งเค้กหรือกระทรวงกันมากกว่า ถือเป็นโอกาสดี ที่ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล จะได้มีโอกาสร่วมกันทำงานทั้งที่ยังมีจุดที่แตกต่างกันแต่เขายังสามารถอยู่ร่วมกันได้ เช่น เรื่องของสุราก้าวหน้า และสมรสเท่าเทียม ที่พรรคประชาชาตินั้นมีความเห็นต่าง รวมถึงเรื่องมาตรา 112 ที่เป็นประเด็นทางสังคมนั้นพรรคก้าวไกลก็ยังยอมถอย จึงถือเป็นปรากฎการณ์ที่เป็นการพัฒนาทางการเมืองที่ดีสำหรับการเมืองไทย

ส่วนการที่จะนำข้อตกลงในเอ็มโอยูไปสู่การใช้จริงในทางปฏิบัตินั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติที่จะออกกฎหมายมาให้รัฐบาลนำไปบังคับใช้ เช่น เรื่องยกเลือกการเกณฑ์ทหาร หรือเรื่องสุราก้าวหน้าต้องไปแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สรรพสามิต ซึ่งเชื่อว่า ว่าที่รัฐบาลใหม่ที่มีเสียงมากถึง 313 เสียงนั้น ซึ่งเพียงพอสำหรับการผ่านกฎหมายต่างๆ ออกมาได้ จึงเชื่อว่านโยบายที่ได้เคยหาเสียงไว้และไม่เป็นประเด็นทางสังคม จึงน่าจะขับเคลื่อนเดินต่อไปได้จริง

ลดเงื่อนไขลงแล้ว

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น ยังพอมีเวลาเหลืออีกประมาณ 2 เดือน ที่พรรคร่วมหรือพรรคก้าวไกลเองจะได้พูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจต่อทาง สว.และในส่วนตัวนั้นเชื่อว่า สว. มีวุฒิภาวะที่จะไม่ให้บ้านเมืองเกิดวิกฤต เพราะอย่างไรแล้วทั้ง 8 พรรคการเมืองก็คือเสียงข้างมากที่ผ่านการเลือกตั้งมาและรวมเสียงได้ถึงขนาดนี้

การที่จะพลิกขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น คิดว่าไม่เกิดประโยชน์อันดีกับบ้านเมืองและเชื่อว่าคงจะไปไม่รอด จึงเชื่อว่ายังพอมีเวลา ในขณะที่พรรคก้าวไกลเองนั้นก็ยังได้ยอมลดเพดานเกี่ยวกับนโยบายที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมลงมามากแล้ว และยังมี สว.บางส่วนที่ยังมีท่าทีอ่อนลงมาบ้างแล้วด้วยเช่นกัน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สนทะนาพร อินจันทร์

สนทะนาพร อินจันทร์

ลุยงานช่วยเหลือคนเดือดร้อนมาทั้งชีวิต อย่างไม่คิดเรียกสิ่งตอบแทน